เตรียมพร้อมรับมือ Visual Search

เตรียมพร้อมรับมือ Visual Search

ท่านที่ search ผ่าน app Google บนมือถือ น่าจะสังเกตุเห็นว่าข้างขวาในกล่อง search มี icon ที่ดูเหมือนรูปกล้องและ icon ไมโครโฟน สำหรับ icon ไมโครโฟน หลายๆคนน่าจะเริ่มคุ้นเคยอยู่แล้ว นั่นคือการใช้ voice search ประเภทเดียวกับที่เราพูดกับ Siri บน iPhone ในบทความนี้เราจะพูดถึง “Visual Search” ซึ่งก็คือเจ้า icon “Google Lens” ตัวนี้

กว่า 60% ของกลุ่ม Millenials (18-34 ปี) บอกว่าเทคโนโลยี่ที่เกี่ยวข้องกับการช้อปปิ้งบนสื่อ digital ที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือ Visual Search

Visual Search ไม่ใช่ Image Search

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่า “Visual Search” กับ “Image Search” นั้น ไม่เหมือนกัน เวลาที่เราค้นหารูปภาพ เช่น search หารูปสินค้าคู่แข่งจาก Google มาใส่ประกอบใน present แบบนี้เรียกว่า “image search” เราใส่ keyword โดยอาจจะเป็นชื่อหรือประเภทสิ่งของที่เราต้องการจะหารูปภาพ แต่ Visual Search หมายถึง การที่เราต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งของนั้นๆที่เราเห็นในโลกความเป็นจริง เช่น เราไปออฟฟิศลูกค้าแล้วถูกใจโซฟารับแขกด้านหน้า แต่เมื่อเราถามลูกค้าว่านี่คือโซฟายื่ห้ออะไรราคาเท่าไหร่ ลูกค้าเองก็ไม่ทราบเพราะไม่มี contact คนที่เคยออกแบบตกแต่งภายใน เราสามารถใช้ Google Lens ส่องไปที่โซฟาตัวนั้นเพื่อให้ระบบค้นหารูปที่ใกล้เคียงในระบบและแสดงผลลัพธ์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Visual Search ทำงานอย่างไร

มนุษย์เราจดจำสิ่งต่างๆเป็นภาพและเราสามารถประมวลผลหลังจากมองสิ่งของนั้นๆภายใน 30 มิลลิวินาที เราสามารถวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งที่เราเห็นได้แทบจะทันทีและบอกได้จากประสบการณ์และความรู้ของเราว่าสิ่งของชิ้นนั้นคืออะไรและมีสิ่งของแบบไหนใกล้เคียงหรือเป็นประเภทเดียวกันกับของดังกล่าว
แต่ระบบของ Visual Search ต้องพึ่งพา machine learning และข้อมูลภาพอันมหาศาล เพื่อที่จะเรียนรู้และอัพเดทตลอดเวลา บริษัทอย่าง Google และ Pinterest มีข้อมูลภาพอย่างมโหฬารดังนั้น Google Lens และ Pinterest Lens สามารถนำเสนอผลลัพธ์จากการค้นหาผ่าน Visual Search ได้อย่างแม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆ

เตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้สินค้าเราอยู่ใน Visual Search

จริงๆแล้วนี้ก็เป็นการทำ SEO (Search Engine Optimization) แบบหนึ่งเหมือนกับที่เราทำให้กับ text search หรือ “keyword” เราจำเป็นต้องมีและเตรียมข้อมูลให้ Google หาเราเจอ

1. ใส่ใจรายละเอียดของ metadata และ tags ต่างๆที่เกี่ยวกับรูปภาพ (image) ในเว็บไซต์ เช่น image file name, alt tags, captions, descriptions ซึ่งส่วนนี้จะเป็นงานละเอียดที่ frontend coder/engineer ที่ develop เว็บไซต์ต้อง code ใส่เข้าไป แต่เจ้าของงานหรือเจ้าของ brand จำเป็นต้องเตรียมข้อมูลดังกล่าวให้ครบถ้วนพร้อมให้ coder ไปทำงานต่อ (ชื่อสินค้า ขนาด ประเภทสินค้า และรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์)
2. เพิ่ม image ลงไปใน sitemap ข้อนี้จะค่อนข้าง technical นิดหน่อย สามารถส่งให้ frontend coder ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://webmasters.googleblog.com/2010/04/adding-images-to-your-sitemaps.html
3. เริ่มใส่รูปของเราลง Pinterest เพราะมี Visual Search บน Pinterest มากกว่า 600 ล้านครั้งต่อเดือน เนื่องจาก Pinterest เป็นแหล่งข้อมูลด้านรูปที่ใหญ่ที่สุดใน Internet และแตกต่างจาก Google ที่เป็น search engine ทั้ง text, voice และ visual แต่ Pinterest เกิดขึ้นจากการเป็น image sharing platform โดยผู้ใช้งานตั้งใจเข้า Pinterest เพื่อหารูป reference/inspiration หรือสินค้าต่างๆที่ต้องการอยู่ตลอด นอกจากนั้นเรายังสามารถลงโฆษณาบน Pinterest ได้เพื่อเพิ่มโอกาสให้คน search เจอสินค้าของเราบน Pinterest รายละเอียดเรื่องการลงโฆษณาบน Pinterest จะนำเสนอต่อไปในบทความอนาคต

ข้อมูลเพิ่มเติม:
https://www.socialmediatoday.com/news/why-visual-search-will-be-one-of-the-biggest-digital-marketing-trends-of-20/545999/
https://newsroom.pinterest.com/en/post/celebrating-one-year-of-pinterest-lens
https://webmasters.googleblog.com/2010/04/adding-images-to-your-sitemaps.html
https://www.emarketer.com/content/visual-search-2018
https://www.l2inc.com/research/specialty-retail-us-2017
https://www.marketwatch.com/press-release/new-research-from-visenze-finds-62-percent-of-generation-z-and-millennial-consumers-want-visual-search-capabilities-more-than-any-other-new-technology-2018-08-29
https://www.gartner.com/smarterwithgartner/gartner-top-strategic-predictions-for-2018-and-beyond/
https://searchengineland.com/9-seo-tips-better-google-image-search-results-278609