social media

สรุปสูตรลับในการวัดผล KPI สำหรับแคมเปญบน Social Media ของปี 2025

November 14, 2024

สรุปสูตรลับในการวัดผล KPI สำหรับแคมเปญบน Social Media ของปี 2025

สรุปสูตรลับในการวัดผล KPI สำหรับแคมเปญบน Social Media ของปี 2025

สรุปสูตรลับในการวัดผล KPI สำหรับแคมเปญบน Social Media ของปี 2024

ทำไม KPI ถึงเป็นกุญแจสำคัญในการวัดผลแคมเปญ

นักการตลาดอาจจะคุ้นเคยกับการที่ต้องวัดผลแคมเปญให้กับลูกค้า และ KPI เป็นการบ่งบอกถึงความสำเร็จของการทำแคมเปญ แต่มีใครเคยสงสัยไหมว่าแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ หรือแคมเปญที่ไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ สาเหตุมาจากอะไร เรากำลังวัดผลด้วย KPI ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์แคมเปญ หรือไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอยู่หรือเปล่า 

รวมไปถึงส่วนใหญ่เรามักโฟกัสไปที่แคมเปญการเข้าถึง ​(Awareness) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ค่อนข้างมากจนเราอาจลืมมองเชิงลึกในเรื่องของการตอบสนองกับแคมเปญ อย่างเรื่องความรู้สึก (Sentiment) การคลิก (CTR) การแชร์ (Share Rate) การซื้อสินค้า (Conversion) และ ผลตอบแทน (ROI/ROAS) ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพของการสื่อสารผ่านแคมเปญ

โดยบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก KPI ของ Social Media ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เพื่อสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับแคมเปญ และนำไปปรับใช้กับการวางแผนกลยุทธ์ของแคมเปญ รวมถึงติดตามการวัดผลของแคมเปญได้อย่างถูกต้อง

9 KPIs ที่ควรใช้ในการวัดผลแคมเปญ Social Media

KPIs Objective

สำหรับวัตถุประสงค์ในการวัดผลแคมเปญที่นิยมบน Social Media แบ่งออกเป็น 9 หมวดหมู่

  1. Awareness การรับรู้ 
  2. Engagement การมีส่วนร่วม
  3. Share การแชร์ หรือการบอกต่อ 
  4. Video Views การรับชมวิดีโอ
  5. Link Click การคลิกลิงก์
  6. Conversion การกระทำที่มีความหมายต่อ Objective
  7. Followers ผู้ติดตาม
  8. Social Voice การกล่าวถึงแบรนด์
  9. Return ผลตอบแทน และ Cost per Action ราคาต่อการกระทำ

สูตรการคำนวณ KPI แบบง่าย วัดผลได้จริง

สำหรับการวัดผล KPI อาจแบ่งตามรูปแบบคอนเทนต์ หรือเนื้อหาคอนเทนต์ รวมถึงวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เพื่อการวัดผลที่ชัดเจน นอกจากนี้การวัดผลยังสามารถวัดผลเทียบกับจำนวน Follower หรือจะเป็นการวัดผลเทียบกับจำนวนครั้งที่เห็นคอนเทนต์ (Impressions) ได้เช่นกัน 

แต่ส่วนใหญ่คอนเทนต์ที่มีการบูสโพสต์ หรือซื้อมีเดีย มีการเลือกกลุ่มเป้าหมายตาม Interest Target ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่เป็น Follower และกลุ่มคนที่สนใจเนื้อหาคอนเทนต์แต่ไม่ได้เป็น Follower ทำให้การวัดผลที่เทียบกับ Follower อาจไม่ชัดเจน เนื่องจาก Follower อาจไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Interest Target ที่เราได้กำหนดไว้ ดังนั้นส่วนใหญ่จะเน้นการวัดผลเทียบกับจำนวนครั้ง (Impressions) แทน ยกเว้นเป็นคอนเทนต์ Organic สามารถวัดผลเทียบกับ Follower ได้

นอกจากนี้อาจมีการวัดผลในแง่ของราคา เพื่อประเมินความคุ้มค่า การวางแผนงบประมาณ และติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ

Awareness การรับรู้

สูตรการวัดผล การรับรู้ Awareness

เป็นการวัดผลในแง่ของการกระจายการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย หรือจำนวนคนที่เข้าถึงแคมเปญ ยิ่งแคมเปญเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมาก ยิ่งสร้างการรับรู้ จนถึงแบรนด์เป็นที่จดจำได้ดี โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Reach Rate  (%) อัตราการเข้าถึง เป็นสัดส่วนของจำนวนคนที่เข้าถึง (Reach) เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตาม (Total Followers) เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการวัดผลว่าผู้ติดตาม Account มีการเข้าถึงสัดส่วนเท่าไร ใช้ในกรณีที่มีแคมเปญแบบ Organic หรือไม่ได้มีการซื้อมีเดีย

    สูตรการวัดผล Reach Rate (%) เทียบกับผู้ติดตาม (Total Followers)
    Reach Rate (%) = (Total Reach/Total Followers) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 2,500 คน และ Total Followers (ผู้ติดตาม) = 10,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Reach Rate (%) = (2,500/10,000) x 100 = 25%
    – หมายถึงมีคนเข้าถึงแคมเปญอยู่ที่ 25% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตาม
  • Reach Rate  (%) อัตราการเข้าถึง เป็นสัดส่วนของจำนวนคนที่เข้าถึง (Reach) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Impressions) เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการวัดผลสัดส่วนการมองเห็นแคมเปญ ยิ่งค่าสูง หรือใกล้ 100% หมายถึงเนื้อหาแสดงซ้ำน้อย แต่หากค่าต่ำ แสดงว่าเนื้อหาแสดงซ้ำมาก อาจทำให้เนื้อหาแสดงให้กับกลุ่มเป้าหมายเดิมซ้ำ ๆ การวัดผลนี้ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีที่มีการซื้อมีเดีย ไปหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นทั้งผู้ติดตาม และไม่ใช่ผู้ติดตาม

    สูตรการวัดผล Reach Rate (%) เทียบกับการแสดงผล (Impressions)
    Reach Rate (%) = (Total Reach/Total Impressions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 4,000 คน และ Total  Impressions (การแสดงผล) = 10,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Reach Rate (%) = (4,000/10,000) x 100 = 40%
    – หมายถึงจำนวนคนที่เข้าถึงแคมเปญอยู่ที่ 40% เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผลแคมเปญ
  • Percentage of Audience Reached (%) เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มเป้าหมายที่เข้าถึง เป็นสัดส่วนของจำนวนคนที่เข้าถึง (Reach) เมื่อเทียบกับจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Target Audience)

    สูตรการวัดผล Percentage of Audience Reached (%) เทียบกับกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Target Audience)
    Percentage of Audience Reached (%) = (Total ReachTotal/Target Audience) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 8,000 คน และ Total Target Audience (กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้) = 20,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Percentage of Audience Reached (%) = (8,000/20,000) x 100 = 40%
    – หมายถึงจำนวนคนที่เข้าถึงแคมเปญอยู่ที่ 40% เมื่อเทียบกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้
  • Engaged Reach (%) การเข้าถึงจากการมีส่วนร่วม เป็นสัดส่วนของจำนวนคนที่มีส่วนร่วม (Engaged Users) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึง (Total Reach)

    สูตรการวัดผล Engaged Reach (%) เทียบกับคนที่เข้าถึงแคมเปญ (Total Reach)
    Engaged Reach (%) = (Total Engaged Users/Total Reach) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engaged Users (จำนวนคนที่มีส่วนร่วม) = 500 คน และ Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 5,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engaged Reach (%) = (500/5,000) x 100 = 10%
    – หมายถึงจำนวนคนที่มีส่วนร่วมกับแคมเปญอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึง
  • Paid Reach Ratio อัตราการเข้าถึงจากการจ่ายเงินโฆษณา เป็นสัดส่วนของจำนวนคนที่เข้าถึงจากโฆษณา (Paid Reach) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึงทั้งหมด (Total Reach)

    สูตรการวัดผล Paid Reach Ratio (%) เทียบกับคนที่เข้าถึงแคมเปญทั้งหมด (Total Reach)
    Paid Reach Ratio (%) = (Paid Reach/Total Reach) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Paid Reach (จำนวนคนที่เข้าถึงจากโฆษณา) = 5,000 คน และ Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึงทั้งหมด) = 20,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Paid Reach Ratio (%) = (500/20,000) x 100 = 25%
    – หมายถึงจำนวนคนที่เห็นแคมเปญจากโฆษณาอยู่ที่ 25% เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึงทั้งหมด
  • Organic Reach Ratio อัตราการเข้าถึงจากออร์แกนิก เป็นสัดส่วนของจำนวนคนที่เข้าถึงจากออร์แกนิก (Organic Reach) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึงทั้งหมด (Total Reach)

    สูตรการวัดผล Organic Reach Ratio (%) เทียบกับคนที่เข้าถึงแคมเปญทั้งหมด (Total Reach)
    Organic Reach Ratio (%) = (Organic Reach/Total Reach) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Organic Reach (จำนวนคนที่เข้าถึงแบบออร์แกนิก) = 15,000 คน และ Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึงทั้งหมด) = 20,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Organic Reach Ratio (%) = (15,000/20,000) x 100 = 75%
    – หมายถึงจำนวนคนที่เห็นแคมเปญแบบออร์แกนิกอยู่ที่ 75% เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึงแคมเปญทั้งหมด
  • Frequency จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยต่อการเข้าถึงในหนึ่งคน

    สูตรการวัดผล Frequency  จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยต่อการเข้าถึงในหนึ่งคน
    Frequency =  Total Impressions/Unique Reach

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 10,000 ครั้ง และ Unique Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 4,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Frequency =  10,000/4,000 = 2.5
    – หมายถึงหนึ่งคนสามารถเห็นแคมเปญเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 ครั้ง

Engagement การมีส่วนร่วม

สูตรการวัดผล Engagement การมีส่วนร่วม

เป็นการวัดผลในแง่ความสนใจในการมีส่วนร่วมกับแคมเปญ หรือเข้าใจง่าย ๆ คือมีการ Like, Comment และ Share แคมเปญ โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Engagement Rate  (%) อัตราการมีส่วนร่วม เป็นสัดส่วนของจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements) เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตาม (Total Followers) เพื่อวัดผลว่าแคมเปญดึงดูดให้คนที่ติดตาม Account มีส่วนร่วมกับแคมเปญหรือไม่

    สูตรการวัดผล Engagement Rate (%) เทียบกับผู้ติดตาม (Total Followers)
    Engagement Rate (%) = (Total Engagements/Total Followers) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 500 ครั้ง และ Total Followers (จำนวนผู้ติดตาม) = 10,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement Rate (%) = (500/10,000) x 100 = 5%
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตาม
  • Engagement Rate  (%) อัตราการมีส่วนร่วม เป็นสัดส่วนของจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Total Impressions) เพื่อวัดผลว่า ถึงแม้เห็นแคมเปญหลายครั้ง ยังสามารถดึงดูดให้มีส่วนร่วมกับแคมเปญหรือไม่ ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีที่มีการซื้อมีเดียไปหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นทั้งผู้ติดตาม และไม่ใช่ผู้ติดตาม

    สูตรการวัดผล Engagement Rate (%)  เทียบกับการแสดงผล (Impressions)
    Engagement Rate (%) = (Total Engagements/Total Impressions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 4,000 ครั้ง และ Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 20,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement Rate (%) = (400/20,000) x 100 = 2%
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผลแคมเปญ
  • Engagement Rate  (%) อัตราการมีส่วนร่วม เป็นสัดส่วนของจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึง (Total Reach) เพื่อวัดผลว่าแคมเปญดึงดูดให้คนที่เห็นแคมเปญมีส่วนร่วมกับแคมเปญหรือไม่

    สูตรการวัดผล Engagement Rate (%) เทียบกับคนที่เข้าถึง  (Total Reach)
    Engagement Rate (%) = (Total Engagements/Total Reach) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 200 ครั้ง และ Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 4,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement Rate (%) = (200/4,000) x 100 = 5%
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึงแคมเปญ
  • Engagement per Post การมีส่วนร่วมเฉลี่ยต่อโพสต์ โดยคิดจากการมีส่วนร่วม (Total Engagements) เมื่อเทียบกับจำนวนโพสต์ทั้งหมด (Total Posts)

    สูตรการวัดผล Engagement per Post  เทียบกับจำนวนโพสต์ทั้งหมด (Total Posts)
    Engagement per Post = Total Engagements/Total Posts


    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 1,500 ครั้ง และ Total Posts (จำนวนโพสต์ทั้งหมด) = 30 โพสต์ เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement per Post =  1,500/30 = 50
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 50 ครั้งต่อโพสต์
  • Average Engagement Rate per Post (%) อัตราการมีส่วนร่วมเฉลี่ยต่อโพสต์ (Engagement per Post) เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตาม (Total Followers)

    สูตรการวัดผล Average Engagement Rate per Post (%) เทียบกับผู้ติดตาม (Total Followers)
    Average Engagement Rate per Post (%) = (Total Engagement per Post/Total Followers) x 100


    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagement per Post (จำนวนการมีส่วนร่วมต่อโพสต์) = 50 ครั้ง และ Total Followers (จำนวนผู้ติดตาม) = 10,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Average Engagement Rate per Post (%) = (50/10,000) x 100 = 0.5%
    – หมายถึงการมีส่วนร่วมเฉลี่ยต่อโพสต์อยู่ที่ 0.5% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตาม

Share การแชร์

สูตรการวัดผล Share การแชร์

เป็นการวัดผลในแง่การแชร์แคมเปญ และยังสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ได้ติดตามแบรนด์ โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Share Rate  (%) อัตราการแชร์ เป็นสัดส่วนของจำนวนการแชร์ (Total Shares) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึง (Total Reach) เหมาะกับการวัดผลแคมเปญที่ต้องการทราบสัดส่วนการแชร์ของคนที่เข้าถึงแคมเปญ

    สูตรการวัดผล Share Rate (%) เทียบกับการเข้าถึง  (Total Reach)
    Share Rate (%) = (Total Shares/Total Reach) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Shares (จำนวนการแชร์) = 100 ครั้งและ Total Reach (จำนวนการเข้าถึง) = 5,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Share Rate (%) = (100/5,000) x 100 = 2%
    – หมายถึงจำนวนการแชร์อยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับจำนวนการมีเข้าถึงแคมเปญ
  • Share Rate  (%) อัตราการแชร์ เป็นสัดส่วนของจำนวนการแชร์ (Total Shares) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Total Impressions) เหมาะกับการวัดผลแคมเปญที่ต้องการทราบสัดส่วนการแชร์ของจำนวนครั้งที่เห็นแคมเปญ

    สูตรการวัดผล Share Rate (%) เทียบกับการแสดงผล  (Total Impressions)
    Share Rate (%) = (Total Shares/Total Impressions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Shares (จำนวนการแชร์) = 200 ครั้ง และ Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 20,000 ครั้งเทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Share Rate (%) = (200/20,000) x 100 = 1%
    – หมายถึงจำนวนการแชร์อยู่ที่ 1% เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผลแคมเปญ
  • Share per Post การแชร์เฉลี่ยต่อโพสต์ โดยคิดจากการแชร์ (Total Shares) เมื่อเทียบกับจำนวนโพสต์ทั้งหมด (Total Posts)

    สูตรการวัดผล Share per Post เทียบกับโพสต์ทั้งหมด (Total Posts)
    Share per Post =  Total Shares/Total Posts

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Shares (จำนวนการแชร์) = 500 ครั้ง และ Total Posts (จำนวนโพสต์ทั้งหมด) = 50 โพสต์ เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Share per Post = 500/50 = 10
    – หมายถึงจำนวนการแชร์เฉลี่ยต่อโพสต์อยู่ที่ 10 ครั้ง เมื่อเทียบกับจำนวนโพสต์ทั้งหมด
  • Share to Engagement Ratio (%) อัตราการแชร์ต่อการมีส่วนร่วม เป็นสัดส่วนของจำนวนการแชร์ (Total Shares) เมื่อเทียบกับจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements)

    สูตรการวัดผล Share to Engagement Ratio (%) เทียบกับการมีส่วนร่วม (Total Engagements)
    Share to Engagement Ratio (%) = (Total Shares/Total Engagements) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Shares (จำนวนการแชร์) = 100 ครั้ง และ Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 1,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Share to Engagement Ratio (%) = (100/1,000) x 100 = 10%
    – หมายถึงจำนวนการแชร์อยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับจำนวนการมีส่วนร่วมกับแคมเปญ
  • Share Growth Rate (%) อัตราการเติบโตของการแชร์ เป็นการวัดการเติบโตของการแชร์ในช่วงเวลาปัจจุบัน (Current Period Shares) เมื่อเทียบกับการแชร์ในช่วงเวลาก่อนหน้า (Previous Period Shares)

    สูตรการวัดผล Share Growth Rate (%) เทียบกับการแชร์ในช่วงเวลาก่อนหน้า (Previous Period Shares)
    Share Growth Rate (%) = ((Current Period Shares – Previous Period Shares)/Previous Period Shares) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Current Period Shares (จำนวนการแชร์ในปัจจุบัน) = 500 ครั้ง และ Previous Period Shares (จำนวนการแชร์ก่อนหน้านี้) = 400 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Share Growth Rate (%) = ((500-400)/400) x 100 = 25%
    – หมายถึงจำนวนการแชร์ปัจจุบันเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 25% เมื่อเทียบกับจำนวนการแชร์ในช่วงเวลาก่อนหน้า

Video Views การรับชมวิดีโอ

สูตรการวัดผล Video Views การรับชมวิดีโอ

เป็นการวัดผลในแง่การรับชมวิดีโอแคมเปญ และวัดผลประสิทธิภาพของวิดีโอแคมเปญ นอกจากนี้ยังทำให้เข้าใจความสนใจของผู้รับชมวิดีโอ  โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Video View Rate  (%) อัตราการรับชม เป็นสัดส่วนของจำนวนการรับชมวิดีโอ (Total Video Views) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Total Impressions)

    สูตรการวัดผล Video View Rate (%) เทียบกับการแสดงผล  (Total Impressions)
    Video Views Rate (%) = (Total Video Views/Total Impressions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ) = 4,000 ครั้ง และ Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 10,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Video Views Rate (%) = (4,000/10,000) x 100 = 40%
    – หมายถึงจำนวนการรับชมวิดีโอแคมเปญอยู่ที่ 40% เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผลแคมเปญ
  • Completion Rate  (%) อัตราการรับชมจนจบ เป็นสัดส่วนของจำนวนครั้งที่ผู้ชมรับชมวิดีโอจนจบ (Total Video Completions) เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอ (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Completion Rate (%) เทียบกับการรับชมวิดีโอ  (Total Video Views)
    Completions Rate (%) = (Total Video Completions/Total Video Views) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Video Completions (จำนวนครั้งที่มีรับชมวิดีโอจนจบ) = 600 ครั้ง และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ) = 1,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Completions Rate (%) = (600/1,000) x 100 = 60%
    – หมายถึงจำนวนการรับชมวิดีโอแคมเปญจนจบอยู่ที่ 60% เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอแคมเปญ
  • Average Watch Time เวลาการรับชมโดยเฉลี่ย โดยคิดจากเวลาที่รับชมวิดีโอทั้งหมด (Total Watch Time) เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอทั้งหมด (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Average Watch Time เทียบกับการรับชมวิดีโอทั้งหมด  (Total Video Views)
    Average Watch Time = Total Watch Time/Total Video Views

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Watch Time (เวลาในการรับชมวิดีโอทั้งหมด) = 10,000 นาที และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอทั้งหมด) = 2,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Average Watch Time = 10,000/2,000 = 5
    – หมายถึงเวลาในการรับชมวิดีโอแคมเปญโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 นาทีต่อการรับชมวิดีโอแคมเปญ
  • Engagement Rate for Video (%) อัตราการมีส่วนร่วมกับวิดีโอ เป็นสัดส่วนของจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements) เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอ (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Engagement Rate for Video (%) เทียบกับการรับชมวิดีโอ  (Total Video Views)
    Engagement Rate for Video (%) = (Total Engagements/Total Video Views) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 400 ครั้ง และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ) = 2,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement Rate for Video (%) = (400/2,000) x 100 = 20%
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมกับวิดีโอแคมเปญอยู่ที่ 20% เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอแคมเปญ
  • Click to Rate for Video – CTR (%) อัตราการคลิกวิดีโอ เป็นสัดส่วนของจำนวนการคลิก (Total Link Clicks) เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอ (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Click to Rate – CTR (%) เทียบกับการรับชมวิดีโอ  (Total Video Views)
    Click to Rate – CTR (%) = (Total Link Clicks/Total Video Views) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Link Clicks (จำนวนการคลิกลิงก์) = 100 ครั้ง และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ) = 5,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Click to Rate – CTR (%) = (100/5,000) x 100 = 2%
    – หมายถึงจำนวนการคลิกวิดีโอแคมเปญอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอแคมเปญ
  • Shares per Video View จำนวนการแชร์เฉลี่ยต่อวิดีโอ โดยคิดจากจำนวนการแชร์วิดีโอ (Total Shares) เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอ (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Shares per View เทียบกับการรับชมวิดีโอทั้งหมด  (Total Video Views)
    Shares per View = Total Shares/Total Video Views

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Shares (จำนวนการแชร์วิดีโอ) = 80 ครั้ง และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ) = 4,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Shares per View = 80/4,000 = 0.02
    – หมายถึงจำนวนการแชร์วิดีโอแคมเปญอยู่ที่ 0.02 ครั้งต่อการรับชมวิดีโอแคมเปญ
  • Video Retention Rate (%) อัตราการรับชมวิดีโอต่อเนื่อง เป็นสัดส่วนของเวลารับชมวิดีโอโดยเฉลี่ย (Average Watch Time) เมื่อเทียบกับความยาววิดีโอ (Video Length)

    สูตรการวัดผล Video Retention Rate (%) เทียบกับความยาวของวิดีโอ  (Video Length)
    Video Retention Rate (%) = (Average Watch Time/Video Length) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Average Watch Time (จำนวนการรับชมวิดีโอโดยเฉลี่ย) = 3 นาที และ Video Length (ความยาววิดีโอ) = 5 นาที เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Video Retention Rate (%) = ( 35) x 100 = 60%
    – หมายถึงสัดส่วนของเวลาที่มีการรับวิดีโอแคมเปญอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 60% เมื่อเทียบกับความยาวของวิดีโอแคมเปญ

Link Click การคลิกลิงก์

สูตรการวัดผล Link Click การคลิกลิงก์

เป็นการวัดผลการคลิกลิงก์แคมเปญ เพื่อดูความน่าสนใจที่มากกว่าการมองเห็นหรือการเลื่อนผ่าน โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Click Through Rate – CTR (%) อัตราการคลิก เป็นสัดส่วนของจำนวนการคลิก (Total Clicks) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Total Impressions)

    สูตรการวัดผล Click Through Rate – CTR (%) เทียบกับการแสดงผล (Impressions)
    Click Through Rate – CTR (%) = (Total  Link Clicks/Total Impressions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Link Clicks (จำนวนการคลิกลิงก์) = 500 ครั้ง และ Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 10,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Click Through Rate – CTR (%) = (500/10,000) x 100 = 5%
    – หมายถึงจำนวนการคลิกแคมเปญอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผลแคมเปญ

Conversion การกระทำที่มีความหมายต่อ Objective (การซื้อสินค้า, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน)

สูตรการวัดผล Conversion

เป็นการวัดผลในแง่การกระทำต่อแคมเปญ เช่น การซื้อสินค้า, การสมัครสมาชิก และ การลงทะเบียน เป็นต้น โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Conversion Rate (%) อัตราของการกระทำ (การสั่งซื้อ, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน) เป็นสัดส่วนของจำนวนการสั่งซื้อ (Total Conversions) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึง (Total Reach)

    สูตรการวัดผล Conversion Rate (%) เทียบกับการเข้าถึง (Total Reach)
    Conversion Rate (%) = (Total Conversions/Total Reach) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Conversions (จำนวนการซื้อสินค้า) = 100 ครั้ง และ Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึง) = 10,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Conversion Rate (%) = (100/10,000) x 100 = 1%
    – หมายถึงจำนวนการซื้อสินค้าอยู่ที่ 1% เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้าถึงแคมเปญ
  • Conversion Rate (%) อัตราของการกระทำ (การสั่งซื้อ, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน) เป็นสัดส่วนของจำนวนการสั่งซื้อ (Total Conversions) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Total Impressions)

    สูตรการวัดผล Conversion Rate (%) เทียบกับการแสดงผล (Total Impressions)
    Conversion Rate (%) = (Total Conversions/Total Impressions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Conversions (จำนวนการดาวน์โหลดแอป) = 200 ครั้ง และ Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 20,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Conversion Rate (%) = (200/20,000) x 100 = 1%
    – หมายถึงจำนวนการดาวน์โหลดแอปอยู่ที่ 1% เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผลแคมเปญ
  • Conversion Rate (%) อัตราของการกระทำ (การสั่งซื้อ, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน) เป็นสัดส่วนของจำนวนการสั่งซื้อ (Total Conversions) เมื่อเทียบกับจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements)

    สูตรการวัดผล Conversion Rate (%) เทียบกับการมีส่วนร่วม  (Total Engagements)
    Conversion Rate (%) = (Total Conversions/Total Engagements) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Conversions (จำนวนการซื้อสินค้า) = 50 ครั้ง และ Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) = 1,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Conversion Rate (%) = (50/1,000) x 100 = 5%
    – หมายถึงจำนวนการซื้อสินค้าอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับการมีส่วนร่วมกับแคมเปญ
  • Conversion Rate (%) อัตราของการกระทำ (การสั่งซื้อ, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน) เป็นสัดส่วนของจำนวนการสั่งซื้อ (Total Conversions) เมื่อเทียบกับจำนวนการคลิกลิงก์ (Total Link Clicks)

    สูตรการวัดผล Conversion Rate (%) เทียบกับการคลิกลิงก์  (Total Link Clicks)
    Conversion Rate (%) = (Total Conversions/Total Link Clicks) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Conversions (จำนวนการลงทะเบียน) = 25 ครั้ง และ Total Link Clicks (จำนวนการคลิกลิงก์) = 500 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Conversion Rate (%) = (25/500) x 100 = 5%
    – หมายถึงจำนวนการลงทะเบียนอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับจำนวนการคลิกลิงก์แคมเปญ
  • Conversion Rate (%) อัตราของการกระทำ (การสั่งซื้อ, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน) เป็นสัดส่วนของจำนวนการสั่งซื้อ (Total Conversions) เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอ (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Conversion Rate (%) เทียบกับการรับชมวิดีโอ  (Total Video Views)
    Conversion Rate (%) = (Total Conversions/Total Video Views) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Conversions (จำนวนการลงทะเบียน) = 100 ครั้ง และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ) = 5,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Conversion Rate (%) = (100/5,000) x 100 = 2%
    – หมายถึงจำนวนการลงทะเบียนอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับจำนวนการรับชมวิดีโอแคมเปญ
  • Lead Conversion Rate (%) อัตราของลูกค้าจากผู้ที่สนใจ เป็นสัดส่วนของจำนวนลูกค้า (Total Customers) เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่สนใจ (Total Leads)

    สูตรการวัดผล Lead Conversion Rate (%) เทียบกับคนที่สนใจ  (Total Leads)
    Lead Conversion Rate (%) = (Total Customers/Total Leads) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Customers (จำนวนลูกค้า) = 20 คน และ Total Leads (จำนวนคนที่สนใจ) = 200 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Conversion Rate (%) = (20/200) x 100 = 10%
    – หมายถึงจำนวนลูกค้าอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่สนใจแคมเปญ

Followers ผู้ติดตาม

สูตรการวัดผล Followers ผู้ติดตาม

เป็นการวัดผลจำนวนผู้ติดตาม ทั้งการสร้างผู้ติดตามใหม่ และการเติบโตของผู้ติดตาม แสดงถึงความน่าสนใจของแบรนด์และแคมเปญ รวมถึงความน่าเชื่อถือ โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Follower Growth Rate (%) อัตราการเติบโตของผู้ติดตาม เป็นสัดส่วนของจำนวนผู้ติดตามในปัจจุบัน (Current Period Followers) เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตามในช่วงก่อนหน้า (Previous Period Followers)

    สูตรการวัดผล Follower Growth Rate (%)
    Follower Growth Rate (%) = ((Current Period Follower – Previous Period Follower)/Previous Period Followers) x 100


    ตัวอย่าง
    ถ้า Current Period Followers (จำนวนผู้ติดตามในปัจจุบัน) = 15,000 คน และ Previous Period Followers (จำนวนผู้ติดตามในช่วงก่อนหน้า) = 10,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Follower Growth Rate (%) = ((15,000 – 10,000)/10,000) x 100 = 50%
    – หมายถึงจำนวนผู้ติดตามในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตามในช่วงก่อนหน้า
  • Unfollower Growth Rate (%) อัตราการเติบโตของผู้เลิกติดตาม เป็นสัดส่วนของจำนวนผู้เลิกติดตามในปัจจุบัน (Current Period Unfollowers) เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตามในช่วงก่อนหน้า (Previous Period Unfollowers)

    สูตรการวัดผล Unfollower Growth Rate (%)
    Unfollower Growth Rate (%) = ((Current Period Unfollower – Previous Period Unfollower)/Previous Period Unfollowers) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Current Period Unfollowers (จำนวนผู้เลิกติดตามในปัจจุบัน) = 200 คน และ Previous Period Unfollowers (จำนวนผู้เลิกติดตามในช่วงก่อนหน้า) = 500 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Unfollower Growth Rate (%) = ((200 – 500)/500) x 100 = -60%
    – หมายถึงจำนวนผู้เลิกติดตามในปัจจุบันลดลง 60% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เลิกติดตามในช่วงก่อนหน้า
  • Unfollower Growth Rate (%) อัตราการเติบโตของผู้เลิกติดตาม เป็นสัดส่วนของจำนวนผู้เลิกติดตามในปัจจุบัน (Current Period Unfollowers) เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดตามในช่วงก่อนหน้า (Previous Period Unfollowers)

    สูตรการวัดผล Unfollower Growth Rate
    Net Follower Growth = New Followers – Unfollower

    ตัวอย่าง
    ถ้า Current Period Unfollowers (จำนวนผู้เลิกติดตามในปัจจุบัน) = 200 คน และ Previous Period Unfollowers (จำนวนผู้เลิกติดตามในช่วงก่อนหน้า) = 500 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Unfollower Growth Rate (%) = ((200 – 500)/500) x 100 = -60%
    – หมายถึงจำนวนผู้เลิกติดตามในปัจจุบันลดลง 60% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เลิกติดตามในช่วงก่อนหน้า

Social voice การกล่าวถึงแบรนด์

สูตรการวัดผล Social voice การกล่าวถึงแบรนด์

เป็นการวัดผลการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายต่อแบรนด์หรือแคมเปญ รวมถึงการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • Share of Voice (%) อัตราการกล่าวถึงแบรนด์ เป็นสัดส่วนของจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions) เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่ง (Total Mentions)

    สูตรการวัดผล Share of Voice (%) เทียบกับการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่ง  (Total Mentions)
    Share of Voice (%) = (Total Brand Mentions/Total Mentions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Brand Mentions (จำนวนการกล่าวถึงแบรนด์) 200 ครั้ง และ Total Mentions (จำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่ง) 1,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Share of Voice (%) = (200/1,000) x 100 = 20%
    – หมายถึงจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ 20% เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่งทั้งหมด
  • Sentiment Score (%) อัตราการกล่าวถึงแบรนด์ด้านความรู้สึก โดยคำนวณจากจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ในเชิงบวก (Positive Mentions) ลบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ในเชิงลบ (Negative Mentions) เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่ง (Total Mentions)

    สูตรการวัดผล Sentiment Score (%)
    Sentiment Score (%) = ((Positive Mentions – Negative Mentions)/Total Mentions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Positive Mentions (จำนวนการกล่าวถึงเชิงบวก) 300 ครั้ง, Negative Mentions (จำนวนการกล่าวถึงเชิงลบ) 100 ครั้ง และ Total Mentions (จำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่ง) 500 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Sentiment Score (%) = ((300-100)/500) x 100 = 40%
    – หมายถึงจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ในเชิงบวกสุทธิอยู่ที่ 40% เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และคู่แข่งทั้งหมด
  • Engagement Rate for Mentions (%) อัตราการมีส่วนร่วมจากการกล่าวถึงแบรนด์ เป็นสัดส่วนของจำนวนการมีส่วนร่วม (Total Engagements) เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions)

    สูตรการวัดผล Engagement Rate for Mentions (%) เทียบกับการกล่าวถึงแบรนด์  (Brand Mentions)
    Engagement Rate for Mentions (%) = ( Total Engagements/Total Brand Mentions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) 500 ครั้ง และ Total Brand Mentions (จำนวนการกล่าวถึงแบรนด์) 100 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement Rate for Mentions (%) = (500/100) x 100 = 500%
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 500% เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์
  • Mentions Growth Rate (%) อัตราการเติบโตของการกล่าวถึง เป็นสัดส่วนของจำนวนการกล่าวถึงในปัจจุบัน (Current Period Mentions) ลบกับจำนวนการกล่าวถึงในช่วงก่อนหน้า (Previous Period Mentions) เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงในช่วงก่อนหน้า (Previous Period Mentions)

    สูตรการวัดผล Mentions Growth Rate (%)
    Mentions Growth Rate (%) = ((Current Period Mentions – Previous Period Mentions)/Previous Period Mentions) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Current Growth Mentions (จำนวนการกล่าวถึงในปัจจุบัน) 450 ครั้ง และ Previous Period Mentions (จำนวนการกล่าวถึงในช่วงก่อนหน้า) 300 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Mentions Growth Rate (%) = ((450-300)/300) x 100 = 50%
    – หมายถึงจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์ในช่วงก่อนหน้า
  • Engagement per Mention จำนวนการมีส่วนร่วมต่อการกล่าวถึงแบรนด์หนึ่งครั้ง

    สูตรการวัดผล Engagement per Mentions การมีส่วนร่วมกับต่อการกล่าวถึงแบรนด์หนึ่งครั้ง
    Engagement per Mention =  Total Engagements/Total Brand Mentions

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วม) 1,000 ครั้ง และ Total Brand Mentions (จำนวนการกล่าวถึงแบรนด์) 200 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Engagement per Mention = 1,000/200 = 5
    – หมายถึงจำนวนการมีส่วนร่วมกับแบรนด์อยู่ที่ 5 ครั้ง ต่อจำนวนการกล่าวถึงแบรนด์
  • Positive to Negative Mentions Ratio ความสัมพันธ์การกล่าวถึงเชิงบวกกับการกล่าวถึงเชิงลบ

    สูตรการวัดผล Positive to Negative Mentions Ratio ความสัมพันธ์ระหว่างการกล่าวถึงเชิงบวก และการกล่าวถึงเชิงลบ
    Positive to Negative Mentions Ratio =  Positive Mentions/Negative Mentions

    ตัวอย่าง
    ถ้า Positive Mentions (จำนวนการกล่าวถึงเชิงบวก) 600 ครั้ง และ Negative Mentions (จำนวนการกล่าวถึงเชิงลบ) 200 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Positive to Negative Mentions Ratio = 600/200 = 3
    – หมายถึงจำนวนการกล่าวถึงเชิงบวกคิดเป็น 3 เท่า ต่อการกล่าวถึงเชิงลบ

Return ผลตอบแทน และ Cost per Action ราคาต่อการกระทำ

สูตรการวัดผล Return ผลตอบแทน และ Cost per Action ราคาต่อการกระทำ

เป็นการวัดผลตอบแทนจากการลงทุน เพื่อประเมินว่าสิ่งที่แบรนด์ลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ โดยในการเลือกสูตรขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

  • ROI (%) Return on Investment วัดผลตอบแทนจากกำไร

    สูตรการวัดผล ROI (%)
    ROI (%) = ((Revenue from Campaign – Campaign Cost)/Campaign Cost) x 100

    ตัวอย่าง
    ถ้า Revenue from Campaign (รายได้จากแคมเปญ) 200,000 บาท และ Campaign Cost (ค่าใช้จ่ายในแคมเปญ) 50,000 บาท เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – ROI (%) = ((200,000-50,000)/50,000) x 100 = 300%
    – หมายถึงการลงทุนทุก ๆ 1 บาท ได้รับผลตอบแทนเป็น 3 บาท
  • ROAS : Return on Advertising Spend วัดผลตอบแทนจากการโฆษณา

    สูตรการวัดผล ROAS
    ROAS =  Revenue from Ads/Ad Spend

    ตัวอย่าง
    ถ้า Revenue from Ads (รายได้จากโฆษณา) 100,000 บาท และ Ad Spend (ค่าใช้จ่ายโฆษณา) 25,000 บาท เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – ROAS = 100,000/25,000 = 4
    – หมายถึงการจ่ายเงินโฆษณาทุก ๆ 1 บาท ได้รับผลตอบแทนเป็น 4 บาท
  • Cost per Reach (CPR) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการเข้าถึงหนึ่งคน โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับคนที่เข้าถึงทั้งหมด (Total Reach)

    สูตรการวัดผล Cost per Reach ค่าใช้จ่ายต่อการเข้าถึงหนึ่งคน
    Cost per Reach (CPR) =  Total Cost/Total Reach

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 8,000 บาท และ Total Reach (จำนวนคนที่เข้าถึงทั้งหมด) = 4,000 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Reach (CPR) =  8,000/4,000 = 2
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งคนที่เข้าถึงแคมเปญอยู่ที่ 2 บาท
  • Cost per Impressions (CPM) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการแสดงผลหนึ่งครั้ง โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับจำนวนการแสดงผล (Total Impressions)

    สูตรการวัดผล Cost per Impressions ค่าใช้จ่ายต่อการแสดงผลหนึ่งครั้ง
    Cost per Impressions (CPM) =  Total Cost/Total Impressions

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 5,000 บาท และ Total Impressions (จำนวนการแสดงผล) = 100,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Impressions (CPM) =  5,000/100,000 = 0.05
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อการแสดงผลหนึ่งครั้งอยู่ที่ 0.05 บาท
  • Cost per Engagement (CPE) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหนึ่งครั้งที่มีส่วนร่วม โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับการมีส่วนร่วมทั้งหมด (Total Engagement)

    สูตรการวัดผล Cost per Engagement ค่าใช้จ่ายต่อการมีส่วนร่วมหนึ่งครั้ง
    Cost per Engagement (CPE) =  Total Cost/Total Engagements

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 3,000 บาท และ Total Engagements (จำนวนการมีส่วนร่วมทั้งหมด) = 600 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Engagement (CPE) =  3,000/600 = 5
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งครั้งที่มีส่วนร่วมกับแคมเปญอยู่ที่ 5 บาท
  • Cost per Share (CPS) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหนึ่งครั้งที่มีการแชร์ โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับการแชร์ทั้งหมด (Total Shares)

    สูตรการวัดผล Cost per Share ค่าใช้จ่ายต่อการแชร์หนึ่งครั้ง
    Cost per Share (CPS) =  Total Cost/Total Shares

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 5,000 บาท และ Total Shares (จำนวนการแชร์ทั้งหมด) = 250 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Share (CPS) =  5,000/250 = 20
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งครั้งที่มีการแชร์แคมเปญอยู่ที่ 20 บาท
  • Cost per Video Views (CPV) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการรับชมวิดีโอหนึ่งครั้ง โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับการรับชมวิดีโอแคมเปญทั้งหมด (Total Video Views)

    สูตรการวัดผล Cost per Video Views ค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งครั้งในการรับชมวิดีโอ
    Cost per Video Views (CPV) =  Total Cost/Total Video Views

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 5,000 บาท และ Total Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอทั้งหมด) = 2,000 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Video Views (CPV) =  5,000/2,000 = 2.5
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งครั้งที่มีการรับชมวิดีโอแคมเปญอยู่ที่ 2.5 บาท
  • Cost per Clicks (CPC) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการคลิกหนึ่งครั้ง โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับการคลิกทั้งหมด (Total Clicks)

    สูตรการวัดผล Cost per Link Clicks ค่าใช้จ่ายต่อการคลิกหนึ่งครั้ง
    Cost per Clicks (CPC) =  Total Cost/Total Link Clicks

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 1,000 บาท และ Total Link Clicks (จำนวนการคลิกลิงก์) = 200 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Link Clicks (CPC) =  1,000/200 = 5
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อการคลิกลิงก์แคมเปญหนึ่งครั้งอยู่ที่ 5 บาท
  • Revenue per Conversion รายได้ต่อการกระทำ (การสั่งซื้อ, การสมัครสมาชิก, การลงทะเบียน) เป็นการคำนวณรายได้ (Total Revenue) เมื่อเทียบกับจำนวนการกระทำ (Total Conversions)

    สูตรการวัดผล Revenue per Conversion รายได้ต่อหนึ่งการกระทำ เช่น การสั่งซื้อ (Total Conversions)
    Revenue per Conversion =  Total Revenue/ Total Conversions

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Revenue (รายได้) 20,000 บาท และ Total Conversions (จำนวนการกระทำ เช่น การสั่งซื้อ) 200 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Revenue per Conversion =  20,000/200 = 100
    – หมายถึงรายได้ต่อหนึ่งการสั่งซื้อในแคมเปญอยู่ที่ 100 บาท
  • Cost per Conversion ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหนึ่งครั้งที่มีการกระทำ เช่น การสั่งซื้อสินค้าจากแคมเปญ โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับการกระทำ เช่น การสั่งซื้อสินค้าทั้งหมด (Total Conversions)

    สูตรการวัดผล Cost per Conversion ค่าใช้จ่ายต่อการกระทำหนึ่งครั้ง เช่น การสั่งซื้อหนึ่งครั้ง
    Cost per Conversions =  Total Cost/Total Conversions

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 5,000 บาท และ Total Conversions (จำนวนการกระทำ เช่น การสั่งซื้อทั้งหมด) = 100 ครั้ง เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Conversions =  5,000/100 = 50
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งการสั่งซื้อในแคมเปญอยู่ที่ 50 บาท
  • Cost per Follower (CPF) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหนึ่งผู้ติดตาม โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Total Cost) เมื่อเทียบกับผู้ติดตามทั้งหมด (Total Followers)

    สูตรการวัดผล Cost per Follower ค่าใช้จ่ายต่อผู้ติดตามหนึ่งคน
    Cost per Follower =  Total Cost/Total Followers

    ตัวอย่าง
    ถ้า Total Cost (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด) = 3,000 บาท และ Total Followers (จำนวนผู้ติดตามทั้งหมด) = 500 คน เทียบกับสูตรได้ ดังนี้
    – Cost per Follower =  3,000/500 = 6
    – หมายถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งผู้ติดตามอยู่ที่ 6 บาท

เซฟด่วน สูตรการคำนวณ KPI ในแต่ละ Objective

ได้เวลา! วัดผลแคมเปญ Social Media ด้วย KPI อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่าลืมว่าการวัดผลแคมเปญใด ๆ การมี KPI ที่ชัดเจน และเลือก KPI ที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เป็นสิ่งที่ต้องคำนึง เนื่องจากจะทำให้เราวัดผลแคมเปญได้ถูกต้อง นำไปปรับปรุงแคมเปญได้ทันท่วงที และยังช่วยให้เราใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ยังเป็นส่วนช่วยในการวางแผนแคมเปญในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสูตรการคำนวณนี้ยังสามารถใช้ต่อเนื่องได้ในปี 2025 อีกด้วย หากแต่ละแพลตฟอร์มยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิม

แต่หากแคมเปญที่ทำไป ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ สิ่งที่สำคัญเลยเราต้องมาวิเคราะห์สาเหตุ และตีความปัญหาที่พบเจอให้ได้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหา ตัวชี้วัด งบประมาณ หรือช่องทางในการสื่อสาร ตลอดจน Customer Journey ว่ามีความเหมาะสมและสอดคล้องกันหรือไม่ และทดสอบการสื่อสารในหลาย ๆ รูปแบบ เพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้อาจมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ประกอบด้วย ที่อาจทำให้เราควบคุมไม่ได้ เช่น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม หรือ Crisis ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นขณะที่ปล่อยแคมเปญ ดังนั้นเราควรมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดและปรับแคมเปญให้เข้ากับสถานการณ์ จะช่วยเพิ่มให้แคมเปญประสบผลสำเร็จได้มากขึ้น

หากใครที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญ ตั้งแต่เริ่มวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และการวางแผนแคมเปญ การออกแบบแคมเปญให้น่าสนใจ ไปจนถึงการวัดผลแคมเปญด้วยผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทาง TWF Agency มีให้บริการจากทีมงานที่มีประสบการณ์ ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์และวัดผลได้จริง ครอบคลุมการสื่อสารทุกแพลตฟอร์ม 

สามารถดูบริการอื่นเพิ่มเติม https://bit.ly/3C7BIQe หรือ ติดต่อได้ที่ https://bit.ly/3Uqvrpo

Data Analytics, Social Media Specialist | TWF Agency