Consultancy

ส่อง Consumer Insights จาก Social Listening : คนซื้อบ้าน/คอนโดยุคใหม่มองหาอะไร สำหรับปี 2025

February 17, 2025

ส่อง Consumer Insights จาก Social Listening : คนซื้อบ้าน/คอนโดยุคใหม่มองหาอะไร สำหรับปี 2025

ส่อง Consumer Insights จาก Social Listening : คนซื้อบ้าน/คอนโดยุคใหม่มองหาอะไร สำหรับปี 2025

ส่อง Consumer Insights จาก Social Listening : คนซื้อบ้าน/คอนโดยุคใหม่มองหาอะไร สำหรับปี 2025

พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์

การตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดหรือที่อยู่อาศัยในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ ผู้บริโภคต้องใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างละเอียดก่อนที่จะซื้อหรือลงทุน และที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่จะอยู่ในชีวิตเราไปอีกยาวนาน การฟังเสียงผู้บริโภคในโซเชียลมีเดีย (Social Listening) ช่วยให้แบรนด์ทราบถึงความรู้สึก ความคาดหวัง และความต้องการของลูกค้าได้ตั้งแต่การเลือกซื้อ การเลือกพื้นที่อยู่อาศัย จนถึงการบริการหลังการขาย หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เป็นอุปสรรคของการซื้อ อย่างการขอสินเชื่อ หรือเรื่องอื่น ๆ เองก็ตาม (Consumer Insights) ดังนั้นการใช้ Social Listening เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทำให้แบรนด์เข้าใจลูกค้า และนำมาปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาด ตลอดจนการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ

ยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคสามารถหาข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายและสะดวก การสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของแต่ละแบรนด์ และเว็บไซต์จึงเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบราคาหรือโปรโมชัน สิ่งอำนวยความสะดวก การเดินทาง ผลตอบแทนในการลงทุน รวมถึงการคำนวณสินเชื่อ นอกจากนี้การรีวิวบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยจากผู้ซื้อจริงหรือ Influencer มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน

เปิด 10 ปัจจัยที่ผู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อ

ปัจจัยที่ผู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อ

ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ และไม่ควรมองข้าม แน่นอนว่าการใช้  Social Listening สามารถช่วยให้แบรนด์ทราบปัจจัยเหล่านี้ในเบื้องต้น และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ของโครงการ หรือการสื่อสารได้อย่างทันท่วงที

ซึ่งในปี 2024 เราได้มีการเก็บข้อมูลการกล่าวถึงแบรนด์ชั้นนำในด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทราบว่าผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียมีการกล่าวถึงในเรื่องใดบ้าง ซึ่งคาดว่าเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย ซึ่งในบทความนี้จะมาเจาะลึก 10 หมวดหมู่ที่ผู้บริโภคกล่าวถึงแบรนด์บ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยมากที่สุด

อันดับ 1 คือการออกแบบทั้งภายในและภายนอก (Design & Layout) โดยเฉพาะโครงการที่มีดีไซน์สวย หรูหรา และการออกแบบให้ที่พื้นที่การใช้สอยที่กว้างขวาง มีการระบายอากาศที่ดี รวมถึงการใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ

การกล่าวถึงการออกแบบทั้งภายในและภายนอก

อันดับ 2 คือ สถานที่ตั้ง (Location) ทำเลถือเป็นปัจจัยที่ผู้ซื้อคำนึงถึงไม่แพ้การออกแบบ โดยเฉพาะทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า หรือทางด่วน ใกล้สถานที่สำคัญอย่าง ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน ตลาด หาของกินสะดวก รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบโครงการต้องมีความปลอดภัย ไม่เปลี่ยว หรือบางครั้งผู้บริโภคบางกลุ่มยังมองสถานที่เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน

การกล่าวถึงสถานที่ตั้ง

อันดับ 3 คือ ราคาหรือโปรโมชัน (Price and Promotion) ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะการเปรียบเทียบราคากับคู่แข่ง และมีความสนใจโปรโมชัน ทั้งส่วนลดหรือของแถม

การกล่าวถึงราคาหรือโปรโมชัน

อันดับ 4 คือ ภาพลักษณ์แบรนด์ (Brand Image) หรือชื่อเสียงของแบรนด์ โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพของแบรนด์ และความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์จนเกิดการบอกต่อผู้อื่น

การกล่าวถึงภาพลักษณ์แบรนด์

อันดับ 5 คือ สิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) โดยเฉพาะเรื่องของส่วนกลาง ที่จอดรถ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และระบบการรักษาความปลอดภัย เพราะหากมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกับที่อื่น

การกล่าวสิ่งอำนวยความสะดวก

อันดับ 6 คือ บริการหลังการขาย (After Sales Service) ซึ่งมีผลในระยะยาวสำหรับผู้บริโภค อย่างการดูแล การแก้ไขปัญหาให้ลูกบ้าน ทีมนิติบุคคลของโครงการ

การกล่าวถึงบริการหลังการขาย

อันดับ 7 คือ สินเชื่อ และการผ่อนดาวน์ (Loan & Down Payment Plan) การเข้าถึงบริการสินเชื่อและเงื่อนไขการผ่อนชำระ โดยส่วนใหญ่เป็นลักษณะการสอบถามอัตราดอกเบี้ยที่ช่วยลดภาระทางการเงินให้กับผู้ซื้อ การกู้ และโปรโมชันจากธนาคาร

การกล่าวถึงสินเชื่อ และการผ่อนดาวน์

อันดับ 8 คือ การลงทุน หรือการซื้อเพื่อปล่อยเช่า (Investment & Rental) ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจซื้อจากนักลงทุน โดยคำนึงถึงผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า หากอยู่ในทำเลที่ดี ส่งผลต่อความต้องการเช่าสูง ทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย หรือสนใจแนวโน้มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์จำพวกหุ้นของบริษัท

การกล่าวถึงการลงทุน หรือการซื้อเพื่อปล่อยเช่า

อันดับ 9 คือ โครงการเพื่อสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly) กำลังเป็นกระแส เพราะเป็นเทรนด์ที่ผู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยเลือกซื้อ โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่อนุญาตเลี้ยงสัตว์ มีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง

การกล่าวถึงโครงการเพื่อสัตว์เลี้ยง

และอันดับ 10 คือ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (ESG & Sustainability) เห็นได้ว่าสิ่งแวดล้อมเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในทุกธุรกิจ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ด้วย โดยมีความสนใจโครงการที่ช่วยลดพลังงาน การนำ Solar Panel มาใช้ และการมีพื้นที่สีเขียวในโครงการ รวมถึงการใช้วัสดุก่อสร้างยั่งยืน

การกล่าวถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ตัวแปรสำคัญของผู้บริโภคที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย คือความคิดเห็นเชิงลบ (Negative Comment) เป็นสิ่งที่แบรนด์ไม่ควรเพิกเฉย หรือมองข้าม เพราะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลให้ผู้บริโภคลังเล หรือไม่ตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยของเรา

ตัวอย่างความคิดเห็นในเชิงลบ เช่น

สิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities)

การกล่าวถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงลบ

สถานที่ตั้ง (Location)

การกล่าวถึงสถานที่ตั้งเชิงลบ

การออกแบบทั้งภายในและภายนอก (Design & Layout)

การกล่าวถึงการออกแบบทั้งภายในและภายนอกเชิงลบ

ราคาหรือโปรโมชัน (Price and Promotion)

การกล่าวถึงราคาหรือโปรโมชันเชิงลบ

การลงทุน หรือการซื้อเพื่อปล่อยเช่า (Investment & Rental)

การกล่าวถึงการลงทุน หรือการซื้อเพื่อปล่อยเช่าเชิงลบ

ข้อมูลเหล่านี้ช่วยสะท้อนได้ว่าหากแบรนด์สามารถนำสิ่งที่ผู้บริโภคคำนึงไปปรับใช้และนำเสนอตามความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด ซึ่งช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ และยังเพิ่มโอกาสในการขายบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น

กรณีศึกษาแคมเปญการตลาดอสังหาฯ ของแบรนด์ชั้นนำ

Influencer Marketing กลายเป็นเครื่องมือที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้ในการสื่อสาร เพื่อให้เกิดการรับรู้ (Awareness) การมีส่วนร่วม (Engagement) และการตัดสินใจซื้อ (Conversion) กับกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจาก Influencer เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น โดยขอยกตัวอย่างแคมเปญของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจในปีที่ผ่านมา ได้แก่

SANSIRI (แสนสิริ) เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีการใช้ Influencer โดยแต่ละแคมเปญมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น

  • รายการฮาสหวีดโฮม เป็นรายการที่มีการใช้ Influencer ในสาย Entertainer อย่างคุณป๋อมแป๋มที่เป็นพิธีกรที่มีแชร์เรื่องราวสยองขวัญ
รายการฮาสหวีดโฮม
ขอบคุณภาพจาก Sansiri
  • รายการ Every Journey Matters เป็นรายการที่พูดคุยเรื่องเส้นทางชีวิตกว่าจะประสบความสำเร็จ การศึกษา การเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย โดยเล่าผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็น คุณเนเน่ พรนับพัน, คุณรัศมีแข, คุณแทด จากวง Atlas, คุณโอ๊ตเจ้าของ DROP BY DOUGH, คุณอิ๊ง ชยธร เจ้าของช่อง Ingck และเจ้าของแบรนด์ Ingu และอื่น ๆ อีกมากมาย
รายการ Every Journey Matters
ขอบคุณภาพจาก Sansiri
  • Pets of Sansiri ที่เน้นเจาะกลุ่มคนรักสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งเข้ากับเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่าง Pet Friendly เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในด้านแบรนด์ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง โดยแบรนด์ได้มีการใช้ Influencer ที่เป็นสัตว์เลี้ยงและเจ้าของสัตว์เลี้ยงชื่อดัง รวมถึงสื่อสารเกี่ยวกับคอมมูนิตี้สัตว์เลี้ยง
Pets of Sansiri
ขอบคุณภาพจาก เดี๊ยกและผักสลัดของเขา, คิ้วคือมงกุฎของแค และ  อูยู ซามอยด์พาเที่ยว
  • แคมเปญเพื่อนฉันเป็นคนดีย์ เป็นหนึ่งในแคมเปญด้าน CSR ที่เชิญชวนให้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาทำกิจกรรมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดี
รายการ เพื่อนฉันเป็นคนดีย์
ขอบคุณภาพจาก WOODY

ทำให้เห็นว่าทางแบรนด์มีการเลือกใช้ Influencer ที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายหลักของแต่ละแคมเปญ โดยการสื่อสารผ่านคอนเทนต์ที่หลากหลาย ทั้งการสร้างความสนุก การให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อขยายฐานผู้ติดตามหรือลูกค้าของแบรนด์

SC Asset เป็นแบรนด์ที่เน้นใช้ Influencer ที่มีความถนัดหรือความเชี่ยวชาญที่สอดคล้องกับแนวคิดของแคมเปญ เช่น

  • Bangkok Design Week เป็นงานออกแบบระดับประเทศในการเน้นการออกแบบที่มีสไตล์และการออกแบบสถาปัตยกรรม สื่อถึงการที่แบรนด์ให้ความสำคัญเรื่องของดีไซน์ โดยเน้นการใช้ Influencer สายออกแบบ อย่าง art4d Magazine หรือสายอีเวนต์ อย่าง Urban Creature และ Timeout Bangkok เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรักงานออกแบบ
Bangkok Design Week
ขอบคุณภาพจาก art4d Magazine, Urban Creature และ Timeout Bangkok
  • Who is my Boss? Season 2 เป็นแคมเปญ Employer Branding ที่ต้องการดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ โดยการใช้ Influencer ที่มีความถนัดด้านการทำงานอย่าง BrandBuffet, HR The Next Gen, WorkVenture ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจในกลุ่มคนทำงานและนักศึกษาจบใหม่
เริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss ?
ขอบคุณภาพจาก Brand Buffet, HR The Next Gen และ WorkVenture

ทำให้เห็นชัดเจนว่าทางแบรนด์มีการใช้กลยุทธ์ในการใช้ Influencer ที่สอดคล้องกับแนวคิดของแคมเปญแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอินและมองว่าแคมเปญตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้ดี

Activity content (กิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วม) ในการสื่อสารผ่าน Social Media เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ในแต่ละช่องทางของแบรนด์ โดยลักษณะที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุดยังคงเป็นกิจกรรม ที่กระตุ้นให้เกิดการติดตามช่องทางของแบรนด์ และการแสดงความคิดเห็น รวมถึงการแชร์ ยกตัวอย่างแบรนด์ที่มีการโปรโมตกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

  • AP Thai มีการโปรโมตกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องและเนื้อหาใกล้ตัวกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีการแจกของรางวัลที่น่าสนใจอย่าง Voucher ส่วนลดต่าง ๆ และเป็นลักษณะเกมที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ร่วมกิจกรรมรู้สึกสนุกและรู้สึกมีโอกาสชนะแล้วได้รับของรางวัล
กิจกรรมบนโซเชียลมีเดียของ AP Thai
ขอบคุณภาพจาก AP Thai
  • Supalai มีการโปรโมตกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่อยู่อาศัยของแบรนด์โดยเน้นการตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการ ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีการรับรู้ถึงโครงการในแง่ดี และมีความโดดเด่นในการใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลาย โดยเฉพาะ X ที่มีความโดดเด่นจากกิจกรรมที่มีความเชื่อมโยงกับ Celebrities อย่างคุณหยิ่นและคุณวอร์ที่เป็นคู่จิ้น
กิจกรรมบนโซเชียลมีเดียของ Supalai
ขอบคุณภาพจาก Supalai

จึงเห็นว่าแบรนด์ที่มีกิจกรรมที่ต่อเนื่องมีโอกาสที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกสนุกกับคอนเทนต์ของแบรนด์มากขึ้น และยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายได้ในระยะยาว

Sustainability marketing นอกจากนี้หลาย ๆ แบรนด์ยังมีการทำแคมเปญ Sustainability อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ มองว่าแบรนด์มีความใส่ใจ ยังช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่

  • Singha Estate มีการเปิดตัวแคมเปญ Crossroads Maldives ที่มีแนวคิดในการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการคำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน และนำแนวคิดของการจัดการขยะ (Zero-Waste to Ocean) มาใช้ โดยเป้าหมายคือการลดขยะพลาสติกในโครงการให้เป็นศูนย์ และลดการปล่อยขยะลงทะเล นอกจากนี้ยังเป็นคอมมูนิตี้แบบครบวงจรในมัลดีฟส์ ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ด้านอสังหาริมทรัพย์ในระดับโลก โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจในเรื่อง Eco-Tourism
แคมเปญ Crossroads Maldives
ขอบคุณภาพจาก Singha estate
  • Sansiri มีการสื่อสารถึงแนวคิดแคมเปญ Sansiri Green Living Design ในคอนเซปต์ ชีวิตติดGlamบ้านต้องติดGreen ที่ผสมผสานระหว่างความสวยงาม (Glam) และสิ่งแวดล้อม (Green) รวมถึงออกแบบบ้านที่สามารถประหยัดพลังงาน โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง มีสนใจบ้านที่มีการออกแบบเพื่อความยั่งยืน
Sansiri Green Living Design
ขอบคุณภาพจาก Sansiri

จากตัวอย่างแคมเปญการใช้กลยุทธ์ของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ ทำให้เห็นถึงการสื่อสารของแบรนด์ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคทั้งจากการเลือกใช้ Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และการใช้กิจกรรมบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์ในการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างสรรค์แคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เปิดลิสต์ 5 เทรนด์ที่อยู่อาศัย บ้านแบบไหนที่มาแรง?

จากข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยให้เกิดการตัดสินใจ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่ต่างกันก็น่าจะเป็นเรื่องของเทรนด์ที่อยู่อาศัย เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีความสนใจเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าล้ำสมัย จึงไม่แปลกใจที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องปรับตัวให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า รวมไปถึงความยั่งยืน จึงทำให้แบรนด์ต้องมีการนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

5 เทรนด์ที่อยู่อาศัย ปี 2025

Smart Home เมื่อบ้านรู้ใจคุณมากกว่าใคร

บ้านธรรมดาอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ แต่แบรนด์ต้องนำเสนอให้ผู้บริโภคเห็นถึงบ้านที่กลายเป็น Smart Home ในการเชื่อมต่อและมีความสามารถในการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้อย่างแม่นยำ สะดวก และปลอดภัย เช่น การสั่งงานด้วยเสียง การเปิดปิดไฟหรือเครื่องปรับอากาศ การแจ้งเตือนความปลอดภัย อย่างการตรวจจับการล้ม รวมถึงสามารถตรวจจับสภาพอากาศ เป็นต้น

เพราะสัตว์เลี้ยงคือครอบครัว Pet Friendly Home แบบไหนที่ตอบโจทย์

กลายเป็นเทรนด์ที่สำคัญไปแล้วในยุคนี้ ไม่เพียงแต่คนมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ แต่คำนึงถึงบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยที่มีการออกแบบพื้นที่เพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพราะในปัจจุบันคนเลี้ยงสัตว์มีจำนวนมากขึ้น แถมยังมองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าธุรกิจต่าง ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตมากขึ้น ไม่ว่าจะ Pet Spa หรือ Pet Cafe เอง

Sustainability Living บ้านยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

เราจะเห็นว่าบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือบ้านรักษ์โลก เป็นมาตรฐานใหม่ของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ในช่วงสองสามปีมานี้ เพราะคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจโลกมากขึ้น จึงมีความสนใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อโลก ซึ่งบ้านที่ช่วยประหยัดพลังงาน และใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นที่อยู่อาศัยอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้บริโภคมองหา โดยแบรนด์ที่สามารถนำเสนอบ้านลักษณะนี้ให้กับผู้บริโภค ไม่เพียงช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดี แต่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ และช่วยโลกได้ในระยะยาว

ใช้พื้นที่ยังไงให้คุ้ม Multi-Functional Space ออกแบบบ้านให้รองรับทุกกิจกรรม

เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในการออกแบบบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ อย่างวิถีชีวิตของการ Work from home, การมีพื้นที่อย่างจำกัด และคนที่ต้องการพื้นที่ในการทำกิจกรรมอื่น ๆ การที่บ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับการซื้อมากขึ้น

Wellness Living บ้านที่มากกว่าที่อยู่อาศัย

ในยุคที่ปัญหาสุขภาพมีผลต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น ผู้บริโภคจึงให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ในด้านคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพกายและใจ โดยบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันด้านสุขภาพ ทั้ง Covid-19 หรือ PM 2.5 และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีการออกแบบเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างการออกแบบให้รับแสงธรรมชาติเพื่อลดความเครียด ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ

เรียกได้ว่าเทรนด์ของที่อยู่อาศัยในปี 2025 ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน สุขภาพ และไลฟ์สไตล์มากขึ้น แบรนด์จึงต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมากกว่าเดิม และต้องทันกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะสามารถนำเสนอบ้าน คอนโด ที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย

จาก Insight สู่ Action ที่วัดผลได้ (Measurement) : จับเทรนด์ให้ทัน เข้าใจลูกค้าให้ลึก ด้วยกลยุทธ์ที่ทำได้จริง

ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเครื่องมือ Social Listening ทำให้ทราบถึงปัจจัยที่ผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ราคาหรือโปรโมชัน จนถึงบริการหลังการขาย และจากกลยุทธ์ที่แบรนด์คู่แข่งใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Influencer การใช้กิจกรรมในการเพิ่มการมีส่วนร่วมและผู้ติดตาม รวมถึงการทำแคมเปญด้านความยั่งยืน นอกจากนี้เทรนด์ที่อยู่อาศัยในปี 2025 ถือเป็นแนวทางให้กับแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ในการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคหากแบรนด์หรือธุรกิจที่มีความต้องการเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคผ่านการใช้ Social Listening ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด โดยเฉพาะกรณีเกิด Negative Comment หรือ Crisis ที่อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ และการเก็บข้อมูลการกล่าวถึงแคมเปญ รวมถึงแบรนด์คู่แข่ง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้กับการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์หรือแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูบริการเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4aTlqYS หรือติดต่อได้ที่ https://bit.ly/3WOySXS

Data Analytics, Social Media Specialist | TWF Agency