ทำไม Sustainability Marketing ถึงสำคัญต่อแบรนด์ ? อัปเดตเทรนด์แยกตามอุตสาหกรรม พร้อม Case Study แบรนด์ดัง
ทำไม Sustainability Marketing ถึงสำคัญต่อแบรนด์ ? อัปเดตเทรนด์แยกตามอุตสาหกรรม พร้อม Case Study แบรนด์ดัง

แนวโน้มการเติบโตของ Sustainability Marketing : ทำไมแบรนด์ต้องโฟกัส?

โลกในปัจจุบันยังคงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้อย่างชัดเจน อย่างภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม หรือภัยแล้ง เป็นต้น เราจะเห็นได้ว่าความถี่ของภัยพิบัติมักเห็นได้บ่อยมากขึ้น จากในอดีตที่นาน ๆ ทีจะเกิดขึ้น แต่ในปัจจุบันกลับเกิดขึ้นบ่อยครั้งในทุกพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงช่วงนี้ในไทยและประเทศอื่น ๆ พบปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ส่งผลกระทบถึงสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วโลก ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย และเป็นโอกาสให้กับแบรนด์ในการพัฒนาสินค้า บริการ หรือมีส่วนร่วมในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับสุขภาพของผู้คนทุกคน โดยช่วงปีก่อน ๆ เริ่มเห็นแบรนด์ต่าง ๆ หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม จนเกิดแคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Green Marketing
แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมอาจไม่เพียงพอ เพราะผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจเรื่องของความยั่งยืนเพิ่มขึ้น เพราะครอบคลุมระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ การพัฒนาทางการศึกษา การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ สิทธิของพนักงานหรือการจ้างงาน รวมไปถึงเรื่องของเศรษฐกิจและสังคมด้านอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกับเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว สามารถนำไปสู่การทำการตลาดแบบยั่งยืน หรือเรียกว่า Sustainability Marketing ที่รวมความยั่งยืนทุก ๆ ด้านของธุรกิจ
การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจในการเลือกซื้อหรือสนับสนุนแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมเป็นสิ่งที่ยากสำหรับแบรนด์ เพราะนับวันแบรนด์มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น ดังนั้นการที่แบรนด์มีนโยบายเรื่องความยั่งยืน จึงเป็นจุดเด่นที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคได้ในระยะยาว และเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ถึงต้องโฟกัสเรื่องของเทรนด์ด้าน Sustainability Marketing มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของแบรนด์
แต่ข้อควรระวังคือ Greenwashing หรือการตลาดแบบฟอกเขียว ที่ทำให้เราเข้าใจว่าเป็นแบรนด์ที่สนับสนุนความยั่งยืน แต่ขาดการปฏิบัติจริงนั่นเอง
พลิกเกมการตลาดด้วย Sustainability Marketing : การปรับตัวของแต่ละอุตสาหกรรม
โดยแบรนด์ต่าง ๆ ได้มีการทำ Sustainability Marketing หรือเข้าใจง่าย ๆ ว่าการตลาดแบบยั่งยืน ที่ไม่เพียงเน้นด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังครอบคลุมไปถึงด้านเศรษฐกิจและสังคม ในช่วงปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ มีการสื่อสารในเรื่องของความเท่าเทียมกัน ในด้านของสิทธิ หรือเพศ และอื่น ๆ มากขึ้น สิ่งเหล่าเป็นส่วนหนึ่งของ Sustainability Marketing ด้วยเช่นกัน
ในส่วนนี้จะมายกตัวอย่างเทรนด์ของการตลาดแบบยั่งยืนในแต่ละอุตสาหกรรม ในโลกที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป
อาหารยั่งยืน การปรับตัวของแบรนด์เพื่อโลกที่ดีขึ้น
Food Waste หรือขยะจากอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมาจากอาหารที่รับประทานไม่หมด อาหารที่หมดอายุ และเศษอาหาร รวมถึงเศษผักที่ใช้ตกแต่งจาน ซึ่งหากเราสามารถลดขยะจากอาหารได้ ยิ่งส่งผลให้สามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอาหารได้มากขึ้น
รายงานจาก Future Menus 2024 กล่าวถึงเทรนด์ของ Low Waste Menus เป็นหนึ่งในเทรนด์ที่น่าสนใจ โดยเชฟต่างมองว่าการนำชิ้นส่วนของอาหารที่ไม่เคยนำมาใช้มาประกอบเป็นเมนูใหม่ช่วยตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน รวมถึงเทรนด์อาหารจากพืชยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถนำมาสรรค์สร้างเมนูจากการนำพืชมาประกอบเป็นเมนูอาหารและยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค
การออกแบบแฟชั่น ความยั่งยืนที่มากกว่ากระแส
กระแสแฟชั่นที่ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมองลึกไปถึงแบรนด์ ทั้งที่มาของการผลิตในแง่ของการใช้แรงงานที่ธรรม การใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน และมีกระบวนการผลิตที่ไม่ทำร้ายสัตว์ สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสังคม
แฟชั่นหมุนเวียน หรือ Circular Fashion เน้นการรีไซเคิลและการใช้ซ้ำจะเห็นถึงความนิยมของผ้าทอ ผ้าไหม ผ้าฝ้ายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และที่ขาดไม่ได้คือแฟชั่นที่ไม่จำกัดเพศ หรือ Fluid Fashion สะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคมในด้านการแสดงออก เราจะเห็นได้ว่าแบรนด์ต่าง ๆ นิยมออกแบบเสื้อผ้าแบบ Unisex มากขึ้น เพื่อเน้นการตลาดแบบกลางที่ไม่มีขีดจำกัดเรื่องของเพศ
อุตสาหกรรมยานยนต์ : เทรนด์และเทคโนโลยีสู่โลกอนาคต
การที่สังคมรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างมาก คงไม่พ้นปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเรื่องของมลพิษ ดังนั้นความก้าวหน้าของการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าคือเรื่องของความเสถียร ลดข้อจำกัดในเรื่องระยะทางของการวิ่งรถให้ได้ไกลมากขึ้น ระบบการขับขี่อัตโนมัติที่มีความปลอดภัย รวมถึงกระบวนการใช้วัสดุและการผลิตต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเติบโตไปได้อย่างก้าวกระโดดมากขึ้น
โอกาสทองของการลงทุนด้านสถานีชาร์จ จากกระแสของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามาแทนที่ความสนใจรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจการลงทุนด้านสถานีชาร์จเพื่อรองรับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโต เนื่องจากจำนวนสถานีชาร์จสวนทางกับยอดขายรถ EV
ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ : สร้างประสบการณ์ในการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
การที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่กลับสร้าง Overtourism หรือ ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง เพราะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการจราจรติดขัด การจัดการขยะ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อวิถีชีวิตกับคนท้องถิ่น เป็นที่มาของเทรนด์การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวด้วยการลดการใช้พลังงานตั้งแต่การเดินทางจนถึงที่พัก และการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือพายเรือ
นอกจากนี้การเติบโตของการท่องเที่ยวท้องถิ่นเองได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมส่วนใหญ่คือการเรียนรู้ในการดื่มด่ำกับวิถีชีวิตของชุมชน รับประทานอาหารท้องถิ่น การเรียนรู้งานฝีมืออย่างหัตถกรรมในท้องถิ่น ไม่เพียงแต่การปรับตัวจากนักท่องเที่ยวเท่านั้นที่จะช่วยสร้างความยั่งยืน แต่ต้องมีความร่วมมือจากหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งและบริษัททัวร์ รวมถึงภาครัฐร่วมมือกัน
การออกแบบที่อยู่อาศัย : สร้างโลกที่ยั่งยืน
ในปัจจุบันคนนิยมเรื่องซื้อที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้เทรนด์การออกแบบเพื่อที่อยู่อาศัยที่เรียกว่าบ้านสีเขียว ซึ่งมีการคำนึงในเรื่องของพลังงาน ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการ Work from home และในช่วงฤดูร้อนที่ส่งผลต่อค่าไฟที่สูง ส่วนเหตุผลที่คนหันมาใช้เป็นเพราะพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้ฟรี ไม่ก่อมลพิษ อีกทั้งทำให้บ้านเย็นเพราะเป็นเหมือนเกราะรับความร้อนก่อนเข้าสู่ตัวบ้านอีกชั้น
อีกทั้งคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้อิฐบางชนิดที่อาจช่วยลดคาร์บอนหรือเป็นวัสดุรีไซเคิล ใช้สีที่ไม่ก่อสารพิษ รวมไปถึงการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจถึงตำแหน่งห้องต่าง ๆ เน้นให้สามารถระบายอากาศได้ดี การออกแบบพื้นที่สีเขียวให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศได้ดี
ความสำเร็จของแคมเปญ Sustainability ของแบรนด์ในแต่ละอุตสาหกรรม
พาไปสำรวจแคมเปญการตลาดแบบยั่งยืนในช่วงที่ผ่านมา ที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มมีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีความตระหนักและใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปปรับกลยุทธ์ให้กับแบรนด์ของคุณเอง
นวัตกรรมยางรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อโลก : Michelin ขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืน

นวัตกรรมยางยั่งยืนภายใต้แคมเปญ On the Road and Beyond ของมิชลิน สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์มีการนำนวัตกรรมเพื่อต่อยอดสินค้าและยังสร้างมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังพัฒนายางที่ใช้กับกระสวยอวกาศจากการร่วมมือกับนาซาผ่านวิจัยล้อไร้ลมสำหรับดวงจันทร์ โดยที่ผ่านมายางรถยนต์ของมิชลินที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ยังช่วยลดขยะจากการเปลี่ยนยางบ่อย ๆ จากการออกแบบให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนาน
นอกจากนี้ยังมีการผลิตยางล้อจากถ้วยโยเกิร์ตหรือขวดพลาสติก ทำให้สามารถเปลี่ยนขยะในชีวิตประจำวันเป็นยางล้อใหม่ การออกแบบให้สามารถลดแรงต้านทานให้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อัพไซเคิลยูนิฟอร์ม ธอส. X W2W : ตอบโจทย์ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่น

แนวคิดการออกแบบยูนิฟอร์มใหม่ที่รักษ์โลก ของธอส. ร่วมกับทาง W2W โดยการนำเส้นใยจากขวดพลาสติกรีไซเคิลมาผลิตชุดยูนิฟอร์มที่เป็นสูท ส่วนชุดอื่น ๆ มีการผสมกับวัสดุ Easy Care เพื่อง่ายต่อการรีดที่ใช้เวลาไม่นานช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า
แล้วต่อยอดด้วยการมีกิจกรรมแลกขวดให้พนักงานมีส่วนร่วม เพื่อช่วยลดปริมาณขยะจากขวดพลาสติก ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนาน นอกจากนี้เมื่อต้องการทำลายทิ้งการมีชุดยูฟอร์มเหมือนกัน ด้วยวัสดุแบบเดียวกัน ทำให้สามารถคัดแยกชนิดได้ง่าย
สนับสนุนโลกอย่างยั่งยืนไปกับ IKEA : สร้างโอกาสใหม่ให้สิ่งแวดล้อม

กลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนของอิเกีย ให้ความสำคัญกับ “การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและมีสุขภาพดี ธุรกิจหมุนเวียนและสภาพอากาศที่ดี และความยุติธรรมและความเท่าเทียม” โดยแคมเปญ Buy Back and Resell Service เป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่ทางอิเกียพยายามเน้นให้ผู้บริโภคหรือลูกค้ามีส่วนร่วมในการลดขยะ โดยการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้ใช้ขายคืนให้ทางอิเกีย ให้เป็นบัตรของขวัญเป็นการตอบแทน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ทางอิเกียซื้อคืนจะนำไปปรับสภาพและจำหน่ายใหม่ในราคาถูกที่ Circular Hub พื้นที่ขายสินค้ามือสองของอิเกีย
จากแคมเปญนี้จะลดปริมาณขยะจากเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการได้รับส่วนลด จึงเป็นอีกตัวอย่างแคมเปญที่มีแนวคิดในการประยุกต์กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนกับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อสร้างความตระหนักและโน้มน้าวให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมในการคำนึงด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยประสบภัยด้านน้ำท่วมทางภาคเหนือ ซึ่งอิเกียได้เชิญชวนให้ลูกค้าร่วมบริจาค หรือขายคืนเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังมีบริการส่งฟรี เพื่อแบ่งเบาภาระ และเพื่อช่วยฟื้นฟูบ้านของผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ย่างความอร่อยกับ Bar B Q Plaza ผ่านโมเดล Green Restaurant

โมเดลร้านอาหารที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการปรับปรุงร้านอาหารของ Bar B Q Plaza ด้วยโมเดล Green Restaurant ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบร้านที่ประหยัดพลังงาน โดยการใช้หลอดไฟ LED ที่สามารถควบคุมการเปิด ปิดไฟและการเลือกใช้วัสดุสำหรับตกแต่งร้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงลดขยะจากการใช้ภาชนะที่มาจากวัสดุย่อยสลาย แล้วยังมีถังขยะสำหรับคัดแยกขยะ

ส่วนวัตถุดิบได้ร่วมมือกับเกษตรกรในการปลูกกะหล่ำปลีที่ปลอดสารพิษ ลด Carbon Footprint จากการขนส่ง อีกทั้งรณรงค์ให้ลูกค้าทานอาหารให้หมด
นอกจากนี้ยังมีการสร้างความตระหนักผ่านตัวกิจกรรม เช่น กิจกรรม ผักหัวจาน ลดขยะ ที่ให้ลูกค้าเปลี่ยนผักเคียงที่ไม่รับประทานเป็นเมนูอื่นได้ เพื่อลด Food Waste โดยแคมเปญนี้ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับร้านอาหารอื่นในการทำธุรกิจแบบ Green Restaurant ในวงกว้างมากขึ้น
นวัตกรรมรักษ์โลก PCR Plastic ของ Vaseline ทางเลือกใหม่เพื่อผิวสวย

การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ PCR Plastic ของ Vaseline Healthy Bright เป็นการส่งเสริมการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์แบบหมุนเวียน ในการช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดย PCR Plastic 100% เป็นพลาสติกรีไซเคิล เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคที่เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน แต่ด้วยต้นทุนอาจจะสูงกว่าพลาสติกทั่วไป เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของแบรนด์ในการควบคุมต้นทุน
โดยแบรนด์เองมีแคมเปญในการสร้างการรับรู้ผ่านแคมเปญ “เพื่อนผิวพลังผิว” ที่มีการใช้มาสคอตซึ่งเป็นตัวแทนของแบรนด์ตามจุดสำคัญในกรุงเทพฯ และทำการแจกผลิตภัณฑ์ทั่วประเทศเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค
อิชิตัน x Charlotte ดับกระหาย พร้อมช่วยโลก

Total Eco Brand เป็นส่วนหนึ่งของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ อิชิตัน ผ่านการใช้ rPET 100% ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 100% ทั้งขวด ฝา ฉลาก เริ่มจาก อิชิตัน รสน้ำผึ้งมะนาว ขวด rPET 100% แล้วกระจายไปยังผลิตภัณฑ์อื่นอย่างคอลเลกชันพิเศษ Chalotte คุ้มครองท้องทะเล จากศิลปินป็อปอาร์ต Mackcha ซึ่งมีความสนใจในการดูแลสิ่งแวดล้อมในการเจาะกลุ่มเป้าหมาย Gen Z
ทำให้เห็นว่าแบรนด์ใส่ใจทั้งผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การร่วมมือกับศิลปินในการออกแบบคอลเลกชันพิเศษ เพื่อเข้าถึง Gen Z และมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วน่รวมในการดูแลโลก
สินเชื่อสีเขียว ลดคาร์บอนเพื่อโลกของ SC Asset

SC Asset มีจุดประสงค์ในการสร้างบ้านและคอนโดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการจับมือกับ LH Bank ลงนามสินเชื่อ Sustainability-Linked Loan ครั้งแรก ซึ่งเป้าหมายคือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการซื้อวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกปี ผ่านการวัดผลการประเมิน ESG Rating ด้วยการรักษาระดับ AAโดยก่อนหน้าที่จะได้ Sustainability-Linked Loan (SLL) หรือ สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนระดับองค์กร ทาง SC Asset เองมีการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล มาอย่างต่อเนื่องจนได้รับความเชื่อมั่น ทำให้เห็นว่าแบรนด์จริงจังในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และยังสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้านอีกด้วย
ภารกิจยั่งยืนเริ่มที่ขวด เอสโคล่าชวนรักษ์โลกด้วยรีไซเคิล

เอสโคล่า เปลี่ยนขวดเพื่อโลกที่ดีกว่า ชวนเจนซ่ารักษ์โลกเริ่มที่ขวด มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะพลาสติกและสนับสนุนการใช้วัสดุรีไซเคิล โดยการเปิดตัวขวดขนาด 515 มล. ที่ผลิตตามพลาสติกรีไซเคิล 100% ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายอย่างคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z
แบรนด์ได้เลือกเจฟ ซาเตอร์ในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ จากการที่เป็นศิลปินที่เป็นที่รู้จักในการเพิ่มการมีส่วนร่วม และสะท้อนว่าแบรนด์เองต้องการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น
Sustainability Marketing ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าจับตามอง
การเติบโตของ Sustainability Marketing ทำให้เห็นว่าแบรนด์ต้องมีการปรับตัวและให้ความสำคัญ เพราะการตลาดเพื่อความยั่งยืนอาจไม่ใช่แค่เทรนด์ หรือแค่หนึ่งในทางเลือกของแบรนด์อีกต่อไป แต่เป็นอีกกลยุทธ์ของแบรนด์ในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่นอกจากช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้แล้ว ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นและสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีหลายแบรนด์ที่ได้เริ่มทำแคมเปญการตลาดแบบยั่งยืน หรือการตลาดสีเขียว แต่ต้องประสบปัญหากับการแข่งขันที่ยังสูงอยู่
ดังนั้นหากใครที่เจอกับความท้าทายนี้ ทาง TWF Agency มีทีมผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาตั้งแต่การ Research การตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ความคิดสร้างสรรค์ การทำคอนเทนต์ และการสื่อสารอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนแคมเปญการตลาดแบบยั่งยืนให้ Impact รวมไปถึงการวัดผลแคมเปญเพื่อนำไปปรับใช้กับแคมเปญการตลาดอย่างยั่งยืนในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูบริการเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3WMxRzU หรือติดต่อเราได้ที่ https://bit.ly/4grkoV6