ถึงเวลาปรับตัว เพื่อก้าวเข้าสู่เทรนด์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) กับ LINE MyCustomer
ถึงเวลาปรับตัว เพื่อก้าวเข้าสู่เทรนด์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) กับ LINE MyCustomer


หลาย ๆ คนคงเคยเจอสถานการณ์เดียวกันคือ วันวันหนึ่งเราเปิดแชตใน LINE เจอ Official Account ส่งข้อความให้เราไปเท่าไร แล้วกว่าที่จะกดคลิกเข้าไปดูหรืออ่านข้อมูลถ้าไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ เราแทบจะลบแชตหรือไม่ก็ไม่สนใจแชตไปเลยด้วยซ้ำ เผลอ ๆ อาจจะไม่เปิดอ่านอีก ซึ่งลูกค้าของแบรนด์ก็อาจจะมีพฤติกรรมแบบเดียวกับเรา สิ่งเหล่านี้คือหนึ่งในปัญหาที่แบรนด์ต้องประสบพบเจอ เพราะอยู่ในยุคที่ลูกค้าได้รับข้อมูลข่าวสารมากมาย ทำให้ข้อมูลข่าวสารทั่วไปที่ดู Plain Plain อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะจะหาอ่านข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ ดังนั้นแบรนด์จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความแตกต่าง และต้องเข้าใจว่าลูกค้าแต่ละคนที่เป็นเพื่อนกับ LINE Official Account ของแบรนด์เราว่าเป็นใคร มีความสนใจอะไร ดังนั้นการตลาดแบบเนื้อหาเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Marketing จึงสำคัญสำหรับแบรนด์
ถามว่า Personalized Marketing สำคัญขนาดไหน ต้องบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของเราต้องการเป็นคนสำคัญ การที่แบรนด์นำเสนอในสิ่งที่เค้าสนใจ สามารถทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจได้เลย นอกจากไปอยู่ในใจแล้วยังช่วยเพิ่มยอดขายได้ด้วยถ้ามีโปรโมชันที่น่าสนใจ จนไปถึงลดการบล็อก LINE Official Account ของเราได้อีก ประโยชน์หลายต่อสุด ๆ เพราะฉะนั้นการที่แบรนด์นำ Personalized Marketing มาใช้กับการส่งข้อความ นอกจากสร้าง Awareness จากการเปิดอ่านดูข้อความ แล้วเกิดความรู้สึกชอบเพราะแบรนด์นำเสนอได้อย่างตรงใจ ยังสามารถช่วยให้เกิด Brand Loyalty ได้ในระยะยาว และมีความต้องการกดติดตามหรือเป็นเพื่อนใน LINE Official Account ของแบรนด์ต่อ

ทั้งนี้ LINE มีบริการด้านการจัดการข้อมูลลูกค้าในเชิงลึกผ่าน LINE MyCustomer ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถทำ Personalized Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกระบวนการทำงานของ LINE Mycustomer (OA Plus) และวิธีใช้ข้อมูลของลูกค้าสำหรับทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้ง่าย ๆ ตามตัวอย่างนี้
- รวบรวมข้อมูลลูกค้า (Data Collection) จากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น LINE Official Account ที่สามารถเก็บข้อมูลจาก Chat, Rich Menu หรือ Broadcast คล้ายกับใน LINE MyCustomer แต่ของ LINE MyCustomer ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ สามารถดูข้อมูลของลูกค้าในเชิงลึก หรือจะอัปโหลดจาก Database แล้วนำไปจัดการในแพลตฟอร์มได้เช่นกัน เพราะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการข้อมูลลูกค้าโดยเฉพาะ รวมถึงหากมีการซื้อโฆษณาทางแบรนด์เองยังสามารถเก็บข้อมูลคนที่คลิกหรือรับชมวิดีโอจากโฆษณาได้อีก นอกจากนี้ในส่วนของเว็บไซต์หากมีการติดตั้ง LINE Tag สามารถติดตามพฤติกรรมคนที่เข้ามาเว็บไซต์ของเรา โดยทั้งหมดสามารถนำมาจัดการใน LINE MyCustomer ได้ง่าย ๆ
- การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมาย (Segmentation) อย่างการแบ่งกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมความสนใจ เช่น สนใจคอนเทนต์ให้ความรู้, สนใจโปรโมชัน, ลูกค้าที่คลิกหรืออ่านข้อความแล้ว แต่ยังไม่ซื้อสินค้า เป็นต้น หรือการแบ่งกลุ่มตามข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เช่น เพศ อายุ และสถานที่อยู่อาศัย
- การวางกลยุทธ์และเลือกประเภทเนื้อหา (Planning) แน่นอนว่าเมื่อเรามีข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดแล้ว ก่อนที่จะเริ่มแคมเปญ ต้องมีการวางแผนในการนำข้อมูลไปใช้ เพื่อที่การสื่อสารแคมเปญของเราจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการตั้งเป้าหมายของแคมเปญให้ชัดเจน ว่าต้องการเพิ่มยอดขายหรือเพิ่มผู้ติดตาม รวมถึงการเลือกประเภทของเนื้อหา รวมถึงกำหนดงบประมาณ ช่วงเวลาให้เหมาะสม เพื่อให้ทราบว่าต้องนำข้อมูลใดไปใช้กับแคมเปญ
- เริ่มการสร้างแคมเปญหรือคอนเทนต์ (Personalize)ให้ตรงตามความสนใจเฉพาะแต่ละบุคคล
- การติดตามผล (Performance) หลังจากเริ่มแคมเปญไปแล้ว เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดการคลิกแคมเปญจากข้อความหรือประเภทเนื้อหาไหนมากกว่ากัน รวมถึงเกิดการซื้อสินค้าจากข้อความใด หรือสมัครสมาชิกแล้วมีการให้ข้อมูลหรือสนใจซื้อสินค้าไหม เพื่อนำมาปรับใช้ในระหว่างแคมเปญ หรือแคมเปญในอนาคต
- การปรับปรุงแคมเปญหรือข้อความให้ตรงความสนใจลูกค้า (Retargeting) อย่างการที่ลูกค้าเปิดอ่านข้อความแต่ยังไม่ซื้อสินค้า อาจมีการส่งโปรโมชันพิเศษให้เพื่อกระตุ้นการซื้อ หรือส่งข้อความเตือนลูกค้าหากคูปองที่ลูกค้ามีอยู่ใกล้หมดอายุในระหว่างแคมเปญได้
สร้างประสบการณ์ให้ตรงใจด้วยความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า
ข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรทำความเข้าใจ ทั้งพฤติกรรมการดูสินค้า การคลิกโปรโมชัน การซื้อสินค้า หรือการแชตพูดคุยสอบถามกับแอดมิน เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลที่แบรนด์นำมาปรับการสื่อสารให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ โดยขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาของแบรนด์คอนแทคเลนส์เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น
รู้ใจลูกค้าด้วยเทคนิคการทำ Segmentation แบบมือโปร
การส่งเนื้อหาที่ตรงใจลูกค้ามีโอกาสช่วยให้ได้ยอดขาย และการติดตาม LINE Official Account ของแบรนด์ โดย LINE MyCustomer สามารถช่วยในการจัดกลุ่มลูกค้า (Segmentation) เพื่อให้ทราบถึง เพศ อายุ พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจ ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าประเภทของเนื้อหาหรือโปรโมชันที่ควรส่ง

การแบ่งตามอายุและเพศ (Age & Gender Segmentation) เนื่องจากผู้ชายหรือผู้หญิง รวมถึงแต่ละกลุ่มอายุมีความสนใจที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
- ผู้หญิงอายุ 20 – 25 ปี มีความสนใจคอนแทคเลนส์สีแฟชั่น
การส่งโปรโมชัน ตัวอย่างที่ควรเน้น เช่น ‘ใหม่ คอนแทคเลนส์สีใหม่ รับรองไม่ตกเทรนด์ ลด 15% เฉพาะวันนี้เท่านั้น’ - ผู้ชาย อายุ 30 – 35 ปี มีความสนใจคอนแทคเลนส์ใสเพื่อความสบายตา
การส่งโปรโมชัน ตัวอย่างที่ควรเน้น เช่น ‘ใส่สบายตลอดวัน กับคอนแทคเลนส์ใส ลด 20% วันนี้’

การแบ่งตามพฤติกรรมการซื้อ (Purchase Behavior Segmentation) เนื่องจากอาจมีทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า รวมถึงลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก แล้วเงียบหายไป
- ลูกค้าใหม่ (New Member) ยังไม่มั่นใจในสินค้า หรือมีความลังเลเพราะไม่มีประสบการณ์ในการใช้
การส่งข้อความ ตัวอย่างเช่น ‘รับฟรี คอนแทคเลนส์เพิ่ม 1 คู่ สำหรับลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก’ - ลูกค้าเก่า (Existing Member) สนใจโปรโมชัน เพราะเคยซื้อแล้ว แต่ต้องการสิทธิพิเศษ
การส่งโปรโมชัน ตัวอย่างเช่น ‘รับส่วนลด 20% ทุกเดือนไปเลย สำหรับสมาชิก’ - ลูกค้าที่เคยซื้อ แต่หายไป (Inactive Member) ไม่กลับมาซื้อภายใน 3-6 เดือนหลังจากซื้อครั้งแรก
การส่งข้อความ ตัวอย่างเช่น ‘เพราะเราคิดถึงคุณ รับส่วนลดทันที 30% เมื่อซื้อคอนแทคเลนส์ พร้อมรับฟรีน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ เฉพาะวันนี้เท่านั้น’

การแบ่งตามความสนใจ (Interest Segmentation) เพราะแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน
- ลูกค้าที่สนใจแฟชั่น มีความสนใจคอนแทคเลนส์สีสันสดใส
ส่งโปรโมชัน ตัวอย่างเช่น ‘ใส่สีนี้ รับรองปัง คอนแทคเลนส์สีชมพู รุ่น Limited ด่วน มีจำกัด’ - ลูกค้าที่สนใจคอนแทคเลนส์เพื่อสุขภาพ ป้องกันอาการตาแห้ง
ส่งข้อความ ตัวอย่างเช่น ‘คอนแทคเลนส์ใส ลดอาการตาแห้ง ตาล้า คู่หูสายสุขภาพ’
สร้างความรู้ประทับใจพิเศษให้ลูกค้าในโอกาสสำคัญ
ความรู้สึกพิเศษในโอกาสพิเศษ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ และมองว่าแบรนด์รู้ใจลูกค้า ผ่านการส่งคูปองส่วนลดในวันเกิด หรือในโอกาสพิเศษ

- ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจเมื่อได้รับของขวัญจากแบรนด์ และอยากกลับมาซื้อซ้ำ รวมถึงแบรนด์ยังได้ Brand Loyalty
ตัวอย่างข้อความ ‘Happy Birthday เปิดกล่องของขวัญได้เลยตอนนี้ คูปองส่วนลด 20% แค่คุณคนเดียว สำหรับซื้อสินค้าทุกประเภทภายในเดือนเกิดเท่านั้น’ - การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว เป็นสิ่งที่แบรนด์ควรคำนึง โอกาสพิเศษในทุกช่วงของปี เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ามีการติดตามแบรนด์ในระยะยาว เพราะไม่อยากพลาดสิ่งที่แบรนด์มอบให้
ตัวอย่างข้อความ ‘ต้อนรับวันวาเลนไทน์ มีของขวัญให้คนพิเศษหรือยัง รับทันทีส่วนลด 200 บาท เมื่อซื้อคอนแทคเลนส์ 2 คู่ รีบซื้อก่อนหมดโปร’ - แจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมดอายุ หรือควรซื้อซ้ำ เป็นการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์จากลูกค้าเก่า และเตือนความจำให้กับลูกค้า
ตัวอย่างข้อความ ‘ถึงเวลาเปลี่ยน อย่าลืมดูแลสายตาคุณ คอนแทคเลนส์ของคุณใกล้ครบกำหนดเปลี่ยนแล้ว’ - แสดงความขอบคุณ ให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและอยากกลับมาซื้ออีก
ตัวอย่างข้อความ ‘ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อ หวังว่าจะชอบกันนะ เพื่อแสดงความขอบคุณ เราขอมอบส่วนลด 10% สำหรับออเดอร์ถัดไป อย่าลืมมาใช้โค้ดนะ’
ยอดขายสร้างได้ด้วย Rich Menu ที่ตรงใจลูกค้า

การดึงดูดความสนใจลูกค้าเป็นเรื่องยาก แต่ Rich Menu เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลหรือบริการได้ง่าย ด้วยการปรับแต่งตามความสนใจของลูกค้าแต่ละกลุ่ม และสื่อสารได้อย่างตรงจุด
วิธีการสร้าง Rich Menu ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม

- เข้าไปที่เมนู Rich Menus → Create rich menu → ตั้งชื่อ
- เลือกกลุ่มเป้าหมาย จาก Chat tags, Action tags หรือ Group → ยกตัวอย่างเลือก Chat tag ผู้ที่สนใจคอนแทคเลนส์สี (เพื่อแสดง Rich Menu นี้เฉพาะคนที่สนใจคอนแทคเลนส์สีเท่านั้น)
- ตั้งค่าระยะเวลาที่ต้องการให้ Rich Menu แสดงผล → เลือก Template ที่ต้องการ → อัปโหลดภาพ Rich Menu → ตั้งค่าการแสดงผลเมื่อลูกค้าเปิดแชต เลือก Always Shown หรือ Collapsed ไว้ก่อน
- เลือก Action ของแต่ละปุ่มตามต้องการ
การเลือก Rich Menu ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม
- สำหรับลูกค้าเก่าหรือเป็นสมาชิกอยู่แล้ว (Existing Member) เพื่อสร้างความประทับใจ และเกิดการซื้อซ้ำ
ปุ่มที่แนะนำให้แสดงผล : โปรโมชันพิเศษสำหรับสมาชิก เช่น ส่วนลด 20% เมื่อซื้อสินค้า, ประวัติการสั่งซื้อ, สะสมแต้ม - สำหรับลูกค้าใหม่ (New Member) เพื่อสร้างความประทับใจแรก
ปุ่มที่แนะนำให้แสดงผล : โปรโมชันสำหรับการซื้อครั้งแรก เช่น ซื้อ 1 แถม 1, แนะนำสินค้าใหม่, สมัครสมาชิก - ลูกค้าที่เคยเปิดอ่านข้อความหรือเคยคลิกลิงก์จากข้อความ แต่ยังไม่เคยเป็นสมาชิก และไม่เคยซื้อสินค้า (Engaged User)
ปุ่มที่แนะนำให้แสดงผล : สินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่ลูกค้าเคยเปิดอ่าน, สินค้าใหม่มาแรง, โปรโมชันพิเศษเฉพาะคุณ
กลยุทธ์ในการเข้าใจลูกค้า เคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มยอดขาย
การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึกสามารถนำมาปรับปรุงการสื่อสารและนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าสนใจได้ด้วยการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า เช่น สินค้าที่ลูกค้าสนใจ หรือประวัติการสั่งซื้อสินค้า
ความสนใจของลูกค้า สามารถดูได้จากการคลิกดูสินค้าหรือการสอบถามในแชต ทำให้เราเห็นว่าลูกค้าสนใจสินค้าอะไร หรือบริการแบบไหน โดยแบรนด์สามารถส่งข้อความแนะนำสินค้าที่ลูกค้าสนใจ แต่ยังไม่ซื้อ และแนะนำโปรโมชันที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าสนใจ
ประวัติการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าบ่งบอกถึงการซื้อสินค้าซ้ำ ความถี่ และจำนวนการสั่งซื้อ ที่แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือโปรโมชัน รวมถึงการให้ส่วนลดผ่านคูปองกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าบ่อย หรือจำนวนมาก ๆ ได้
การเก็บข้อมูลจากการคลิกลิงก์ การเปิดข้อความ การตอบแบบสอบถาม การร่วมกิจกรรม และการแชตคุยกับแอดมิน ทำให้แบรนด์สร้างโปรไฟล์ของลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง เช่น ลูกค้าที่สอบถามสินค้าคอนแทคเลนส์สี แอดมินสามารถนำเสนอโปรโมชันคอนแทคเลนส์สีให้ลูกค้าได้
หลังจากลูกค้าได้รับข้อความจาก Official Account ของแบรนด์เรา เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ในการเพิ่มยอดขาย เพราะโปรโมชันตรงใจลูกค้า และเป็นสิ่งที่ลูกค้าถูกใจ อีกทั้งมีการติดตามข้อความของแบรนด์ต่อไป เพราะมองว่าแบรนด์ใส่ใจ
ตัวอย่างการนำ Personalized Content มาใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มยอดขายและการมีส่วนร่วม
การใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลูกค้าทักแชตสอบถามแอดมิน ลิงก์ที่ลูกค้าเคยกดคลิก หรือ สินค้าที่เคยสั่งซื้อ การที่แบรนด์ส่งข้อความในสิ่งที่ลูกค้าสนใจ ย่อมน่าสนใจกว่าการส่งข้อความทั่ว ๆ ไป และสามารถสร้างความประทับใจ ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจ ซึ่งสร้างโอกาสในการสั่งซื้อสินค้า และภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
ตัวอย่างแบรนด์สินค้าคอนแทคเลนส์
แบรนด์วิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าจากการคลิกลิงก์ที่ทางแบรนด์เคยส่งให้ หรือเคยซื้อสินค้าของแบรนด์มาก่อน
- กรณีการคลิกลิงก์ แต่ยังไม่ได้สั่งซื้อ : ‘ยังสนใจอยู่ไหม ? เราไม่อยากให้คุณตกเทรนด์ คอนแทคเลนส์สีใหม่ รีบช็อปก่อนสินค้าหมด’
- กรณีเคยซื้อสินค้าของแบรนด์ แต่อยากแนะนำสินค้าใหม่ : ‘เปลี่ยนลุคได้ทุกวัน ถ้าคุณชอบคอนแทคเลนส์สี Fresh Grayzel ต้องลองสี Radiant Chic สวยสะกดทุกสายตา’
ตัวอย่างแบรนด์ร้านอาหาร
ร้านอาหารวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนเข้ามาใหม่ หรือสมัครเป็นสมาชิกร้านอาหารแล้ว
- กรณีลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนแล้ว : ‘แนะนำเมนูใหม่ ที่สายกินห้ามพลาด อร่อยถูกใจแน่นอน’
- กรณีลูกค้าเป็นสมาชิกร้านอาหาร : ‘สำหรับสมาชิก โปรลับเฉพาะวันนี้ ลด 20% ทุกเมนู’
ตัวอย่างแบรนด์ประกันภัยรถยนต์
แบรนด์วิเคราะห์ข้อมูลจากประวัติของลูกค้า หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการลูกค้า
- กรณีประวัติลูกค้าประกันใกล้หมดอายุ : ‘เหลือเวลาอีก 10 วัน ก่อนกรมธรรม์หมดอายุ ต่ออายุวันนี้ อุ่นใจได้อีกยาว’
- กรณีลูกค้าประกันภัยรถยนต์ตอบแบบสอบถามว่ากำลังวางแผนเดินทางในอีก 1 เดือน : ‘เที่ยวต่างประเทศ เตรียมตัวเดินทาง ด้วยความอุ่นใจ ขอแนะนำประกันการเดินทาง สมัครวันนี้รับส่วนลด 20%’
ตัวอย่างแบรนด์อสังหาฯ
แบรนด์วิเคราะห์ข้อมูลตามประเภทของที่อยู่อาศัย หรือจากประวัติของลูกค้า
- กรณีลูกค้าที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด : ‘3 ไอเดียเปลี่ยนคอนโดให้น่าอยู่ ดูโปร่ง สบายตา’
- กรณีลูกค้ามีพัสดุมาส่ง : ‘พัสดุของคุณมาถึงแล้ว รอให้คุณรับไปเลย’
ตัวอย่างธุรกิจโรงพยาบาล
โรงพยาบาลวิเคราะห์จากข้อมูลของผู้ป่วย หรือข้อมูลสุขภาพ
- กรณีผู้ป่วยโรคความดัน : ‘ควบคุมความดันโลหิต เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน การดูแลที่ไม่ควรมองข้าม’
- กรณีแจ้งเตือนการตรวจสุขภาพประจำปี : ‘อย่ารอให้มีปัญหาก่อนค่อยดูแล มาตรวจสุขภาพกับเราตั้งแต่วันนี้กันเถอะ’
จากหลาย ๆ ตัวอย่างที่ยกมานั้นทำให้เห็นว่า การใช้ข้อมูลจากพฤติกรรมของลูกค้าไม่เพียงแต่เป็นการสื่อสารโดยตรงและตรงใจลูกค้า แต่ยังบ่งบอกถึงการได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์อย่างจริงใจ
การตลาดที่ตรงใจ แถมยอดขายพุ่งด้วยกลยุทธ์ Personalized Marketing

ในยุคที่การตลาดมีการแข่งขันสูง การที่แบรนด์จะสามารถเข้าถึงและสร้างความสนใจให้กับลูกค้าได้เป็นสิ่งที่แบรนด์เองคาดหวัง เพราะไม่เพียงแต่สร้างประทับใจให้กับลูกค้า แต่ยังมีประโยชน์ต่อแบรนด์ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย การสร้าง Brand Loyalty ความคุ้มค่า และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการทำ Personalized Marketing จึงเป็นหนึ่งวิธีที่สามารถตอบโจทย์ได้เกือบทั้งหมดของการสื่อสาร ด้วยวิธีการสื่อสารที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน
การเพิ่มยอดขาย
เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อแบรนด์ โดยวิธีในการเพิ่มยอดขายที่ LINE MyCustomer สามารถช่วยได้คือการที่แบรนด์ส่งโปรโมชัน ได้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อย่างการส่งโปรโมชันของสินค้าที่ลูกค้าเคยกดคลิกเข้าไปรับชมข้อมูล
การสร้าง Brand Loyalty ในระยะยาว
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้า ส่งผลทำให้เกิด Brand Loyalty และการติดตาม LINE Official Account ของแบรนด์ รวมถึงลดอัตราการบล็อกได้ ต้องเกิดจากการที่ลูกค้ารับรู้ถึงความรู้สึกว่าตนเองถูกแบรนด์บริการด้วยความเอาใจใส่ อย่างโอกาสพิเศษต่าง ๆ หรือวันเกิด ที่มีการให้สิทธิพิเศษและความรู้สึกพิเศษในโอกาสพิเศษ จนทำให้อยากติดตามแบรนด์ต่อไปเรื่อย ๆ
ความคุ้มค่า
การลงทุนย่อมต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่า ดังนั้นการส่งข้อความแบบ Personalized ช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุนจากการสื่อสารเพราะเข้าถึงเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการได้ง่าย และตรงกลุ่ม จากการที่มีข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าอยู่ในมือ มากกว่าการที่ส่งข้อความไปหาคนจำนวนมาก แต่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
แคมเปญทางการตลาดหลาย ๆ แคมเปญที่ล้มเหลว อาจเกิดการจากวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ชัดเจน แต่เครื่องมือ LINE MyCustomer ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การคลิกลิงก์ การเปิดอ่านข้อความ เรื่องที่สอบถามผ่านแชตกับแอดมิน หรือประวัติการสั่งซื้อ เป็นต้น และสามารถเลือกใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสื่อสารแคมเปญได้ตามวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เพื่อให้แคมเปญสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
รู้ใจลูกค้าด้วย Personalized Marketing จาก LINE MyCustomer
ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าลูกค้าชื่นชอบความพิเศษขนาดไหน การสื่อสารที่ถูกใจ และตรงใจลูกค้าเป็นสิ่งที่ลูกค้าเองคาดหวังจากแบรนด์ไม่น้อยไปกว่าแบรนด์คาดหวังยอดขาย การติดตามแบรนด์อย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งอยากให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้า และสามารถทำ Personalized Marketing ได้คือ LINE MyCustomer
สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมของการทำ Personalized Marketing คือการวางแผนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าให้ละเอียด การคอยติดตามผลการสื่อสารในแต่ละช่วงเพื่อแบรนด์สามารถปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริการเหล่านี้ทาง TWF Agency มีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษา อีกทั้งช่วยให้แคมเปญของคุณเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สามารถดูบริการอื่นเพิ่มเติม https://bit.ly/3WQeTIn หรือ ติดต่อได้ที่ https://bit.ly/4hoLflZ