LINE

ถึงเวลาปรับตัว เพื่อก้าวเข้าสู่เทรนด์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) กับ LINE MyCustomer

March 1, 2025

ถึงเวลาปรับตัว เพื่อก้าวเข้าสู่เทรนด์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) กับ LINE MyCustomer

ถึงเวลาปรับตัว เพื่อก้าวเข้าสู่เทรนด์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) กับ LINE MyCustomer

เทรนด์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) กับ LINE MyCustomer
LINE Chat

หลาย ๆ คนคงเคยเจอสถานการณ์เดียวกันคือ วันวันหนึ่งเราเปิดแชตใน LINE เจอ Official Account ส่งข้อความให้เราไปเท่าไร แล้วกว่าที่จะกดคลิกเข้าไปดูหรืออ่านข้อมูลถ้าไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ เราแทบจะลบแชตหรือไม่ก็ไม่สนใจแชตไปเลยด้วยซ้ำ เผลอ ๆ อาจจะไม่เปิดอ่านอีก ซึ่งลูกค้าของแบรนด์ก็อาจจะมีพฤติกรรมแบบเดียวกับเรา สิ่งเหล่านี้คือหนึ่งในปัญหาที่แบรนด์ต้องประสบพบเจอ  เพราะอยู่ในยุคที่ลูกค้าได้รับข้อมูลข่าวสารมากมาย ทำให้ข้อมูลข่าวสารทั่วไปที่ดู Plain Plain อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะจะหาอ่านข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ ดังนั้นแบรนด์จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความแตกต่าง และต้องเข้าใจว่าลูกค้าแต่ละคนที่เป็นเพื่อนกับ LINE Official Account ของแบรนด์เราว่าเป็นใคร มีความสนใจอะไร ดังนั้นการตลาดแบบเนื้อหาเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Marketing จึงสำคัญสำหรับแบรนด์

ถามว่า Personalized Marketing สำคัญขนาดไหน ต้องบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของเราต้องการเป็นคนสำคัญ การที่แบรนด์นำเสนอในสิ่งที่เค้าสนใจ สามารถทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจได้เลย นอกจากไปอยู่ในใจแล้วยังช่วยเพิ่มยอดขายได้ด้วยถ้ามีโปรโมชันที่น่าสนใจ จนไปถึงลดการบล็อก LINE Official Account ของเราได้อีก ประโยชน์หลายต่อสุด ๆ เพราะฉะนั้นการที่แบรนด์นำ Personalized Marketing มาใช้กับการส่งข้อความ นอกจากสร้าง Awareness จากการเปิดอ่านดูข้อความ แล้วเกิดความรู้สึกชอบเพราะแบรนด์นำเสนอได้อย่างตรงใจ ยังสามารถช่วยให้เกิด Brand Loyalty ได้ในระยะยาว และมีความต้องการกดติดตามหรือเป็นเพื่อนใน LINE Official Account ของแบรนด์ต่อ

LINE MyCustomer Personalized Campaign Journey

ทั้งนี้ LINE มีบริการด้านการจัดการข้อมูลลูกค้าในเชิงลึกผ่าน LINE MyCustomer ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถทำ Personalized Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกระบวนการทำงานของ LINE Mycustomer (OA Plus) และวิธีใช้ข้อมูลของลูกค้าสำหรับทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้ง่าย ๆ ตามตัวอย่างนี้

  1. รวบรวมข้อมูลลูกค้า (Data Collection) จากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น LINE Official Account ที่สามารถเก็บข้อมูลจาก Chat, Rich Menu หรือ Broadcast คล้ายกับใน LINE MyCustomer แต่ของ LINE MyCustomer ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ สามารถดูข้อมูลของลูกค้าในเชิงลึก หรือจะอัปโหลดจาก Database แล้วนำไปจัดการในแพลตฟอร์มได้เช่นกัน เพราะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการข้อมูลลูกค้าโดยเฉพาะ รวมถึงหากมีการซื้อโฆษณาทางแบรนด์เองยังสามารถเก็บข้อมูลคนที่คลิกหรือรับชมวิดีโอจากโฆษณาได้อีก นอกจากนี้ในส่วนของเว็บไซต์หากมีการติดตั้ง LINE Tag สามารถติดตามพฤติกรรมคนที่เข้ามาเว็บไซต์ของเรา โดยทั้งหมดสามารถนำมาจัดการใน LINE MyCustomer ได้ง่าย ๆ
  2. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมาย (Segmentation) อย่างการแบ่งกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมความสนใจ เช่น สนใจคอนเทนต์ให้ความรู้, สนใจโปรโมชัน, ลูกค้าที่คลิกหรืออ่านข้อความแล้ว แต่ยังไม่ซื้อสินค้า เป็นต้น หรือการแบ่งกลุ่มตามข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เช่น เพศ อายุ และสถานที่อยู่อาศัย
  3. การวางกลยุทธ์และเลือกประเภทเนื้อหา (Planning) แน่นอนว่าเมื่อเรามีข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดแล้ว ก่อนที่จะเริ่มแคมเปญ ต้องมีการวางแผนในการนำข้อมูลไปใช้ เพื่อที่การสื่อสารแคมเปญของเราจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการตั้งเป้าหมายของแคมเปญให้ชัดเจน ว่าต้องการเพิ่มยอดขายหรือเพิ่มผู้ติดตาม รวมถึงการเลือกประเภทของเนื้อหา รวมถึงกำหนดงบประมาณ ช่วงเวลาให้เหมาะสม เพื่อให้ทราบว่าต้องนำข้อมูลใดไปใช้กับแคมเปญ
  4. เริ่มการสร้างแคมเปญหรือคอนเทนต์ (Personalize)ให้ตรงตามความสนใจเฉพาะแต่ละบุคคล
  5. การติดตามผล (Performance)  หลังจากเริ่มแคมเปญไปแล้ว เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดการคลิกแคมเปญจากข้อความหรือประเภทเนื้อหาไหนมากกว่ากัน รวมถึงเกิดการซื้อสินค้าจากข้อความใด หรือสมัครสมาชิกแล้วมีการให้ข้อมูลหรือสนใจซื้อสินค้าไหม เพื่อนำมาปรับใช้ในระหว่างแคมเปญ หรือแคมเปญในอนาคต
  6. การปรับปรุงแคมเปญหรือข้อความให้ตรงความสนใจลูกค้า (Retargeting) อย่างการที่ลูกค้าเปิดอ่านข้อความแต่ยังไม่ซื้อสินค้า อาจมีการส่งโปรโมชันพิเศษให้เพื่อกระตุ้นการซื้อ หรือส่งข้อความเตือนลูกค้าหากคูปองที่ลูกค้ามีอยู่ใกล้หมดอายุในระหว่างแคมเปญได้

สร้างประสบการณ์ให้ตรงใจด้วยความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า

ข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรทำความเข้าใจ ทั้งพฤติกรรมการดูสินค้า  การคลิกโปรโมชัน การซื้อสินค้า หรือการแชตพูดคุยสอบถามกับแอดมิน เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลที่แบรนด์นำมาปรับการสื่อสารให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ โดยขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาของแบรนด์คอนแทคเลนส์เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น

รู้ใจลูกค้าด้วยเทคนิคการทำ Segmentation แบบมือโปร

การส่งเนื้อหาที่ตรงใจลูกค้ามีโอกาสช่วยให้ได้ยอดขาย และการติดตาม LINE Official Account ของแบรนด์ โดย LINE MyCustomer สามารถช่วยในการจัดกลุ่มลูกค้า (Segmentation) เพื่อให้ทราบถึง เพศ อายุ พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจ ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าประเภทของเนื้อหาหรือโปรโมชันที่ควรส่ง

How to create age and gender segments

การแบ่งตามอายุและเพศ (Age & Gender Segmentation) เนื่องจากผู้ชายหรือผู้หญิง รวมถึงแต่ละกลุ่มอายุมีความสนใจที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น

  • ผู้หญิงอายุ 20 – 25 ปี มีความสนใจคอนแทคเลนส์สีแฟชั่น
    การส่งโปรโมชัน ตัวอย่างที่ควรเน้น เช่น ‘ใหม่ คอนแทคเลนส์สีใหม่ รับรองไม่ตกเทรนด์ ลด 15% เฉพาะวันนี้เท่านั้น’
  • ผู้ชาย อายุ 30 – 35 ปี มีความสนใจคอนแทคเลนส์ใสเพื่อความสบายตา
    การส่งโปรโมชัน ตัวอย่างที่ควรเน้น เช่น ‘ใส่สบายตลอดวัน กับคอนแทคเลนส์ใส ลด 20% วันนี้’

การแบ่งตามพฤติกรรมการซื้อ (Purchase Behavior Segmentation) เนื่องจากอาจมีทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า รวมถึงลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก แล้วเงียบหายไป

  • ลูกค้าใหม่ (New Member) ยังไม่มั่นใจในสินค้า หรือมีความลังเลเพราะไม่มีประสบการณ์ในการใช้
    การส่งข้อความ ตัวอย่างเช่น ‘รับฟรี คอนแทคเลนส์เพิ่ม 1 คู่ สำหรับลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก’
  • ลูกค้าเก่า (Existing Member) สนใจโปรโมชัน เพราะเคยซื้อแล้ว แต่ต้องการสิทธิพิเศษ
    การส่งโปรโมชัน ตัวอย่างเช่น ‘รับส่วนลด 20% ทุกเดือนไปเลย สำหรับสมาชิก’
  • ลูกค้าที่เคยซื้อ แต่หายไป (Inactive Member) ไม่กลับมาซื้อภายใน 3-6 เดือนหลังจากซื้อครั้งแรก
    การส่งข้อความ ตัวอย่างเช่น ‘เพราะเราคิดถึงคุณ รับส่วนลดทันที 30% เมื่อซื้อคอนแทคเลนส์ พร้อมรับฟรีน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ เฉพาะวันนี้เท่านั้น’
How to create interest segments

การแบ่งตามความสนใจ (Interest Segmentation) เพราะแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน

  • ลูกค้าที่สนใจแฟชั่น มีความสนใจคอนแทคเลนส์สีสันสดใส
    ส่งโปรโมชัน ตัวอย่างเช่น ‘ใส่สีนี้ รับรองปัง คอนแทคเลนส์สีชมพู รุ่น Limited ด่วน มีจำกัด’
  • ลูกค้าที่สนใจคอนแทคเลนส์เพื่อสุขภาพ ป้องกันอาการตาแห้ง
    ส่งข้อความ ตัวอย่างเช่น ‘คอนแทคเลนส์ใส ลดอาการตาแห้ง ตาล้า คู่หูสายสุขภาพ’

สร้างความรู้ประทับใจพิเศษให้ลูกค้าในโอกาสสำคัญ

ความรู้สึกพิเศษในโอกาสพิเศษ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ และมองว่าแบรนด์รู้ใจลูกค้า ผ่านการส่งคูปองส่วนลดในวันเกิด หรือในโอกาสพิเศษ

สร้างความรู้ประทับใจพิเศษให้ลูกค้าในโอกาสสำคัญ
  1. ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจเมื่อได้รับของขวัญจากแบรนด์ และอยากกลับมาซื้อซ้ำ รวมถึงแบรนด์ยังได้ Brand Loyalty
    ตัวอย่างข้อความ ‘Happy Birthday เปิดกล่องของขวัญได้เลยตอนนี้ คูปองส่วนลด 20% แค่คุณคนเดียว สำหรับซื้อสินค้าทุกประเภทภายในเดือนเกิดเท่านั้น’
  2. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว เป็นสิ่งที่แบรนด์ควรคำนึง โอกาสพิเศษในทุกช่วงของปี เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ามีการติดตามแบรนด์ในระยะยาว เพราะไม่อยากพลาดสิ่งที่แบรนด์มอบให้
    ตัวอย่างข้อความ ‘ต้อนรับวันวาเลนไทน์ มีของขวัญให้คนพิเศษหรือยัง รับทันทีส่วนลด 200 บาท เมื่อซื้อคอนแทคเลนส์ 2 คู่ รีบซื้อก่อนหมดโปร’
  3. แจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมดอายุ หรือควรซื้อซ้ำ เป็นการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์จากลูกค้าเก่า และเตือนความจำให้กับลูกค้า
    ตัวอย่างข้อความ ‘ถึงเวลาเปลี่ยน อย่าลืมดูแลสายตาคุณ คอนแทคเลนส์ของคุณใกล้ครบกำหนดเปลี่ยนแล้ว’
  4. แสดงความขอบคุณ ให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและอยากกลับมาซื้ออีก
    ตัวอย่างข้อความ ‘ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อ หวังว่าจะชอบกันนะ เพื่อแสดงความขอบคุณ เราขอมอบส่วนลด 10% สำหรับออเดอร์ถัดไป อย่าลืมมาใช้โค้ดนะ’

ยอดขายสร้างได้ด้วย Rich Menu ที่ตรงใจลูกค้า

ยอดขายสร้างได้ด้วย Rich Menu ที่ตรงใจลูกค้า

การดึงดูดความสนใจลูกค้าเป็นเรื่องยาก แต่ Rich Menu เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลหรือบริการได้ง่าย ด้วยการปรับแต่งตามความสนใจของลูกค้าแต่ละกลุ่ม และสื่อสารได้อย่างตรงจุด

วิธีการสร้าง Rich Menu ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม

How to create rich menu
  1. เข้าไปที่เมนู Rich Menus → Create rich menu → ตั้งชื่อ
  2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย จาก Chat tags, Action tags หรือ Group → ยกตัวอย่างเลือก Chat tag ผู้ที่สนใจคอนแทคเลนส์สี (เพื่อแสดง Rich Menu นี้เฉพาะคนที่สนใจคอนแทคเลนส์สีเท่านั้น)
  3. ตั้งค่าระยะเวลาที่ต้องการให้ Rich Menu แสดงผล → เลือก Template ที่ต้องการ → อัปโหลดภาพ Rich Menu → ตั้งค่าการแสดงผลเมื่อลูกค้าเปิดแชต เลือก Always Shown  หรือ Collapsed ไว้ก่อน
  4. เลือก Action ของแต่ละปุ่มตามต้องการ

การเลือก Rich Menu ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม

  1. สำหรับลูกค้าเก่าหรือเป็นสมาชิกอยู่แล้ว (Existing Member) เพื่อสร้างความประทับใจ และเกิดการซื้อซ้ำ
    ปุ่มที่แนะนำให้แสดงผล : โปรโมชันพิเศษสำหรับสมาชิก เช่น ส่วนลด 20% เมื่อซื้อสินค้า, ประวัติการสั่งซื้อ, สะสมแต้ม
  2. สำหรับลูกค้าใหม่ (New Member) เพื่อสร้างความประทับใจแรก
    ปุ่มที่แนะนำให้แสดงผล : โปรโมชันสำหรับการซื้อครั้งแรก เช่น ซื้อ 1 แถม 1, แนะนำสินค้าใหม่, สมัครสมาชิก
  3. ลูกค้าที่เคยเปิดอ่านข้อความหรือเคยคลิกลิงก์จากข้อความ แต่ยังไม่เคยเป็นสมาชิก และไม่เคยซื้อสินค้า (Engaged User)
    ปุ่มที่แนะนำให้แสดงผล : สินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่ลูกค้าเคยเปิดอ่าน, สินค้าใหม่มาแรง, โปรโมชันพิเศษเฉพาะคุณ

กลยุทธ์ในการเข้าใจลูกค้า เคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มยอดขาย

การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึกสามารถนำมาปรับปรุงการสื่อสารและนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าสนใจได้ด้วยการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า เช่น สินค้าที่ลูกค้าสนใจ หรือประวัติการสั่งซื้อสินค้า

ความสนใจของลูกค้า สามารถดูได้จากการคลิกดูสินค้าหรือการสอบถามในแชต ทำให้เราเห็นว่าลูกค้าสนใจสินค้าอะไร หรือบริการแบบไหน โดยแบรนด์สามารถส่งข้อความแนะนำสินค้าที่ลูกค้าสนใจ แต่ยังไม่ซื้อ และแนะนำโปรโมชันที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าสนใจ

ประวัติการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าบ่งบอกถึงการซื้อสินค้าซ้ำ ความถี่ และจำนวนการสั่งซื้อ ที่แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือโปรโมชัน รวมถึงการให้ส่วนลดผ่านคูปองกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าบ่อย หรือจำนวนมาก ๆ ได้

การเก็บข้อมูลจากการคลิกลิงก์ การเปิดข้อความ การตอบแบบสอบถาม การร่วมกิจกรรม และการแชตคุยกับแอดมิน ทำให้แบรนด์สร้างโปรไฟล์ของลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง เช่น ลูกค้าที่สอบถามสินค้าคอนแทคเลนส์สี แอดมินสามารถนำเสนอโปรโมชันคอนแทคเลนส์สีให้ลูกค้าได้

หลังจากลูกค้าได้รับข้อความจาก Official Account ของแบรนด์เรา เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ในการเพิ่มยอดขาย เพราะโปรโมชันตรงใจลูกค้า และเป็นสิ่งที่ลูกค้าถูกใจ อีกทั้งมีการติดตามข้อความของแบรนด์ต่อไป เพราะมองว่าแบรนด์ใส่ใจ

ตัวอย่างการนำ Personalized Content มาใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มยอดขายและการมีส่วนร่วม

การใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลูกค้าทักแชตสอบถามแอดมิน ลิงก์ที่ลูกค้าเคยกดคลิก หรือ สินค้าที่เคยสั่งซื้อ การที่แบรนด์ส่งข้อความในสิ่งที่ลูกค้าสนใจ ย่อมน่าสนใจกว่าการส่งข้อความทั่ว ๆ ไป และสามารถสร้างความประทับใจ ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจ ซึ่งสร้างโอกาสในการสั่งซื้อสินค้า และภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

ตัวอย่างแบรนด์สินค้าคอนแทคเลนส์

แบรนด์วิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าจากการคลิกลิงก์ที่ทางแบรนด์เคยส่งให้ หรือเคยซื้อสินค้าของแบรนด์มาก่อน

  • กรณีการคลิกลิงก์ แต่ยังไม่ได้สั่งซื้อ : ‘ยังสนใจอยู่ไหม ? เราไม่อยากให้คุณตกเทรนด์ คอนแทคเลนส์สีใหม่ รีบช็อปก่อนสินค้าหมด’
  • กรณีเคยซื้อสินค้าของแบรนด์ แต่อยากแนะนำสินค้าใหม่ : ‘เปลี่ยนลุคได้ทุกวัน ถ้าคุณชอบคอนแทคเลนส์สี Fresh Grayzel ต้องลองสี Radiant Chic สวยสะกดทุกสายตา’

ตัวอย่างแบรนด์ร้านอาหาร

ร้านอาหารวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนเข้ามาใหม่ หรือสมัครเป็นสมาชิกร้านอาหารแล้ว

  • กรณีลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนแล้ว : ‘แนะนำเมนูใหม่ ที่สายกินห้ามพลาด อร่อยถูกใจแน่นอน’
  • กรณีลูกค้าเป็นสมาชิกร้านอาหาร : ‘สำหรับสมาชิก โปรลับเฉพาะวันนี้ ลด 20% ทุกเมนู’

ตัวอย่างแบรนด์ประกันภัยรถยนต์

แบรนด์วิเคราะห์ข้อมูลจากประวัติของลูกค้า หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการลูกค้า

  • กรณีประวัติลูกค้าประกันใกล้หมดอายุ : ‘เหลือเวลาอีก 10 วัน ก่อนกรมธรรม์หมดอายุ ต่ออายุวันนี้ อุ่นใจได้อีกยาว’
  • กรณีลูกค้าประกันภัยรถยนต์ตอบแบบสอบถามว่ากำลังวางแผนเดินทางในอีก 1 เดือน : ‘เที่ยวต่างประเทศ เตรียมตัวเดินทาง ด้วยความอุ่นใจ ขอแนะนำประกันการเดินทาง สมัครวันนี้รับส่วนลด 20%’

ตัวอย่างแบรนด์อสังหาฯ

แบรนด์วิเคราะห์ข้อมูลตามประเภทของที่อยู่อาศัย หรือจากประวัติของลูกค้า

  • กรณีลูกค้าที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด : ‘3 ไอเดียเปลี่ยนคอนโดให้น่าอยู่ ดูโปร่ง สบายตา’
  • กรณีลูกค้ามีพัสดุมาส่ง : ‘พัสดุของคุณมาถึงแล้ว รอให้คุณรับไปเลย’

ตัวอย่างธุรกิจโรงพยาบาล

โรงพยาบาลวิเคราะห์จากข้อมูลของผู้ป่วย หรือข้อมูลสุขภาพ

  • กรณีผู้ป่วยโรคความดัน : ‘ควบคุมความดันโลหิต เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน การดูแลที่ไม่ควรมองข้าม’
  • กรณีแจ้งเตือนการตรวจสุขภาพประจำปี : ‘อย่ารอให้มีปัญหาก่อนค่อยดูแล มาตรวจสุขภาพกับเราตั้งแต่วันนี้กันเถอะ’

จากหลาย ๆ ตัวอย่างที่ยกมานั้นทำให้เห็นว่า การใช้ข้อมูลจากพฤติกรรมของลูกค้าไม่เพียงแต่เป็นการสื่อสารโดยตรงและตรงใจลูกค้า แต่ยังบ่งบอกถึงการได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์อย่างจริงใจ

การตลาดที่ตรงใจ แถมยอดขายพุ่งด้วยกลยุทธ์ Personalized Marketing

กลยุทธ์ Personalized Marketing

ในยุคที่การตลาดมีการแข่งขันสูง การที่แบรนด์จะสามารถเข้าถึงและสร้างความสนใจให้กับลูกค้าได้เป็นสิ่งที่แบรนด์เองคาดหวัง เพราะไม่เพียงแต่สร้างประทับใจให้กับลูกค้า แต่ยังมีประโยชน์ต่อแบรนด์ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย การสร้าง Brand Loyalty ความคุ้มค่า และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการทำ Personalized Marketing จึงเป็นหนึ่งวิธีที่สามารถตอบโจทย์ได้เกือบทั้งหมดของการสื่อสาร ด้วยวิธีการสื่อสารที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน

การเพิ่มยอดขาย

เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อแบรนด์ โดยวิธีในการเพิ่มยอดขายที่ LINE MyCustomer สามารถช่วยได้คือการที่แบรนด์ส่งโปรโมชัน ได้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อย่างการส่งโปรโมชันของสินค้าที่ลูกค้าเคยกดคลิกเข้าไปรับชมข้อมูล

การสร้าง Brand Loyalty ในระยะยาว

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้า ส่งผลทำให้เกิด Brand Loyalty และการติดตาม LINE Official Account ของแบรนด์ รวมถึงลดอัตราการบล็อกได้ ต้องเกิดจากการที่ลูกค้ารับรู้ถึงความรู้สึกว่าตนเองถูกแบรนด์บริการด้วยความเอาใจใส่ อย่างโอกาสพิเศษต่าง ๆ หรือวันเกิด ที่มีการให้สิทธิพิเศษและความรู้สึกพิเศษในโอกาสพิเศษ จนทำให้อยากติดตามแบรนด์ต่อไปเรื่อย ๆ

ความคุ้มค่า

การลงทุนย่อมต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่า ดังนั้นการส่งข้อความแบบ Personalized ช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุนจากการสื่อสารเพราะเข้าถึงเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการได้ง่าย และตรงกลุ่ม จากการที่มีข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าอยู่ในมือ มากกว่าการที่ส่งข้อความไปหาคนจำนวนมาก แต่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

แคมเปญทางการตลาดหลาย ๆ แคมเปญที่ล้มเหลว อาจเกิดการจากวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ชัดเจน แต่เครื่องมือ LINE MyCustomer ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การคลิกลิงก์ การเปิดอ่านข้อความ เรื่องที่สอบถามผ่านแชตกับแอดมิน หรือประวัติการสั่งซื้อ เป็นต้น  และสามารถเลือกใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสื่อสารแคมเปญได้ตามวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เพื่อให้แคมเปญสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

รู้ใจลูกค้าด้วย Personalized Marketing จาก LINE MyCustomer

ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าลูกค้าชื่นชอบความพิเศษขนาดไหน การสื่อสารที่ถูกใจ และตรงใจลูกค้าเป็นสิ่งที่ลูกค้าเองคาดหวังจากแบรนด์ไม่น้อยไปกว่าแบรนด์คาดหวังยอดขาย การติดตามแบรนด์อย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งอยากให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้า และสามารถทำ Personalized Marketing ได้คือ LINE MyCustomer

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมของการทำ Personalized Marketing คือการวางแผนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าให้ละเอียด การคอยติดตามผลการสื่อสารในแต่ละช่วงเพื่อแบรนด์สามารถปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริการเหล่านี้ทาง TWF Agency มีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษา อีกทั้งช่วยให้แคมเปญของคุณเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

สามารถดูบริการอื่นเพิ่มเติม https://bit.ly/3WQeTIn หรือ ติดต่อได้ที่ https://bit.ly/4hoLflZ

Data Analytics, Social Media Specialist | TWF Agency