Consultancy

เจาะลึกการใช้ข้อมูลของทีมการตลาดให้มีประสิทธิภาพ (หรือใช้ผิดวิธี?) จากรายงานของ Supermetrics 2025

March 25, 2025

เจาะลึกการใช้ข้อมูลของทีมการตลาดให้มีประสิทธิภาพ (หรือใช้ผิดวิธี?) จากรายงานของ Supermetrics 2025

เจาะลึกการใช้ข้อมูลของทีมการตลาดให้มีประสิทธิภาพ (หรือใช้ผิดวิธี?) จากรายงานของ Supermetrics 2025

Insights on how marketing teams are using data

ข้อมูล—เป็นเครื่องมือหรือปัญหาของนักการตลาดกันแน่?

ข้อมูลที่ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 230% เมื่อเทียบกับปี 2020

ปัจจุบันพบว่า ข้อมูลมีบทบาทสำคัญต่อการตลาดในยุคดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจากรายงานล่าสุดจาก Supermetrics ปี 2025 ชี้ชัดว่า นักการตลาดทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเดียวกัน นั่นคือการมีข้อมูลในมือมากเกินไป แต่นำมาใช้งานได้อย่างไม่เต็มที่ และที่มากกว่านั้นคือ มีการสำรวจนักการตลาดกว่า 200 คน และวิเคราะห์ข้อมูลจากบริษัทกว่า 6,000 แห่ง พบว่ามีข้อมูลที่ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 230% เมื่อเทียบกับปี 2020 แต่นักการตลาดเองกลับมีเวลาและทรัพยากรไม่เพียงพอในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยในบทความนี้จะแสดงให้เห็นถึงประเด็นสำคัญ 5 ข้อที่จะช่วยให้นักการตลาดใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันว่ามีประเด็นไรบ้าง

1. ข้อมูลเยอะ แต่ขาดการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง

ในปัจจุบันแม้ว่าการเข้าถึงข้อมูลจะง่ายขึ้น แต่การวิเคราะห์ข้อมูลกลับเป็นเรื่องยากสำหรับนักการตลาด โดยจากรายงานของ Supermetrics 2025 พบว่า 

  • 56% มีเวลาไม่เพียงพอในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างจริงจัง
  • 38% มีปัญหาเรื่องการรวบรวมข้อมูลจากช่องทางต่างๆ เข้าด้วยกัน
  • 26% ยอมรับว่าขาดแคลนข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจ
  • 7% รู้สึกว่ามีเวลาเพียงพอในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล
ผลสำรวจของนักการตลาดที่มีข้อมูลเยอะ แต่ขาดการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง

การมีข้อมูลที่มากเกินไปกลับไม่ได้ช่วยให้เกิด Insight ที่แท้จริง ซ้ำยังสร้างภาระให้กับทีมงาน ดังนั้น นักการตลาดควรให้ความสำคัญกับข้อมูลที่จำเป็นจริงๆ มากกว่าการพยายามเก็บข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ นอกจากนั้นทาง Supermetrics 2025 ยังได้มีการเปิดเผยข้อมูลของความถี่ในการดูรายงานของนักการตลาด ซึ่งพบว่า

  • 46% ดูรายงานทุกสัปดาห์
  • 25% ดูรายงานทุกเดือน
  • 21% ดูรายงานทุกวัน
  • 7% ดูรายงานทุกไตรมาส
การเปิดเผยข้อมูลของความถี่ในการดูรายงานของนักการตลาด

ดังนั้นการดูข้อมูลควรสอดคล้องกับจังหวะของการตัดสินใจทางการตลาด เพื่อให้การใช้ข้อมูลมีประสิทธิภาพที่สุด

ทาง Supermetrics จึงแนะนำว่านักการตลาดในการจัดการข้อมูลดังนี้:

  1. ใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ (Data-informed) ไม่ใช่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven)
    ควรนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมมาใช้ร่วมกับข้อมูลในการตัดสินใจ
  2. เลือกใช้ข้อมูลในปริมาณที่เหมาะสม
    ควรเน้นเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจ เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่สำคัญ
  3. กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดให้ชัดเจนร่วมกัน
    การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนช่วยให้การติดตามผลทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
  4. หลีกเลี่ยงความสมบูรณ์แบบที่มากเกินไป (Perfectionism)
    เน้นข้อมูลที่ถูกต้องและใช้งานได้จริงมากกว่าความสมบูรณ์แบบที่ไม่จำเป็น

2. แม้ยุคไร้คุกกี้ (Cookieless) จะยังมาไม่ถึงเต็มตัว – แต่ก็ใกล้เข้ามาทุกที และนักการตลาดหลายคนเริ่มกังวล

การใช้งาน Cookies ในช่วงปี 1994 ถึง 2025

เมื่อ Third-party cookies กำลังจะถูกยกเลิกอย่างถาวร นักการตลาดจึงเริ่มกังวลกับปัญหาที่กำลังจะตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานและการทำโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย จากผลสำรวจพบว่า:

ผลสำรวจการติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานและการทำโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย
  • 66% คาดการณ์ว่าการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานข้ามช่องทางจะยากขึ้น
  • 57% กังวลว่าโฆษณาจะมีประสิทธิภาพน้อยลง และวัดผลยากขึ้น
ผลสำรวจการใช้งาน Cookies ของนักการตลาด
  • และมากกว่า 58% ยังใช้ข้อมูล third-party เป็นหลัก มีเพียง 16% เท่านั้นที่เริ่มหันมาใช้ zero-party data ซึ่งมีความแม่นยำและได้รับการยินยอมจากลูกค้าโดยตรง และอีก 8% กำลังมองถึงเรื่องการใช้งาน Privacy Sandbox 

โดยทางออกของปัญหานี้คือการหันมาเน้น zero-party และ first-party data อย่างจริงจัง รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับ Privacy Sandbox และการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ AI เพื่อปรับตัวกับโลกการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

Privacy Sandbox คืออะไร และนักการตลาดต้องเตรียมพร้อมอย่างไร?

Privacy Sandbox คือชุดเครื่องมือและมาตรฐานใหม่ที่ Google พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนการใช้งาน third-party cookies บนเว็บเบราว์เซอร์ (เช่น Chrome) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ยังอนุญาตให้นักการตลาดสามารถวัดผลและทำโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพหลักการสำคัญของ Privacy Sandbox คือ การไม่ติดตามข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแบบรายบุคคล แต่จะติดตามในรูปแบบกลุ่ม หรือที่เรียกว่า Cohort ซึ่งหมายถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่มีพฤติกรรมหรือความสนใจคล้ายๆ กัน ระบบจะจัดการประมวลผลและจัดกลุ่มโดยไม่ต้องระบุตัวตนของแต่ละบุคคล เพื่อป้องกันปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการติดตามแบบเดิมๆ

ถึงแม้ว่า AI จะทรงพลัง แต่ก็ไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ที่จะแก้ไขทุกอย่างได้ทันทีดั่งมีเวทมนตร์ และความจริงที่ว่าเรายังขาดข้อมูลที่แท้จริงในการวิเคราะห์

ถึงแม้ว่า AI จะทรงพลัง แต่ก็ไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ที่จะแก้ไขทุกอย่างได้ทันทีดั่งมีเวทมนตร์ และความจริงที่ว่าเรายังขาดข้อมูลที่แท้จริงในการวิเคราะห์

นักการตลาดกว่า 57% จะเชื่อมั่นว่า AI คือทางออกของอนาคตหลังยุค Cookies แต่ AI จะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อทีมการตลาดมีพื้นฐานที่ดีในการจัดการและใช้งานข้อมูลจริงๆ เท่านั้น นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นว่านักการตลาดหลายคนกำลังตกอยู่ในสภาวะ “Data-Poor” หรือขาดแคลนข้อมูลที่แท้จริงมาตลอด เนื่องจากใช้ข้อมูลจากแหล่งภายนอก (Third-party data) มากเกินไป

Supermetrics จึงแนะนำว่านักการตลาดควร:

  • ลดการทำโฆษณาแบบเจาะกลุ่มรายบุคคล กลับไปเน้นการติดตามในระดับกลุ่ม (Cohort)
  • ให้ความสำคัญกับ Zero-party และ First-party data มากขึ้น
  • ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้า
  • ไม่ละเลยเครื่องมือใหม่อย่าง Privacy Sandbox
  • ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล เพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

3. Measurement—ความท้าทายของการวัดผลทางการตลาด

Measurement—ความท้าทายของการวัดผลทางการตลาด

นักการตลาดมากกว่า 41% ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะวัด ROI ได้อย่างถูกต้อง ทั้งๆ ที่ ROI คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขออนุมัติงบประมาณ และการรายงานผลลัพธ์ต่อผู้บริหาร ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการที่นักการตลาดยังใช้การวัดผลที่ไม่สะท้อนความจริง ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดได้ง่าย

ทาง Supermetrics จึงแนะนำว่านักการตลาดในการยกระดับการวัดผลการตลาด คือ:

  1. เพิ่มความรู้เรื่องการกำหนดทิศทางและวางแผนการทดสอบ (Incrementality)
    ซึ่งเป็นวิธีวัดผลที่ช่วยจัดการและแสดงถึงผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดได้อย่างแท้จริง โดยควรสร้างความเข้าใจร่วมกันทั้งในทีมและต่อผู้บริหาร เพื่อให้เห็นถึงผลตอบแทนของแต่ละแคมเปญอย่างแม่นยำมากขึ้น
  2. รวมข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน
    นักการตลาดควรรวมข้อมูลจากทุกช่องทางไว้ที่เดียวกัน โดยใช้เครื่องมือหรือระบบอัตโนมัติในการรวบรวมข้อมูล เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากตัวเอง และเพิ่มความสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้
  3. สร้างพื้นฐานการจัดการข้อมูลที่แข็งแรง
    แทนที่จะเน้นการเพิ่มข้อมูลใหม่ๆ เข้ามานั้น นักการตลาดควรเน้นที่การสร้างระบบการจัดการข้อมูลที่ดี ให้ทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง มีคุณภาพ และนำไปใช้ในการตัดสินใจได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

4. แนวทางแก้ปัญหาและการจัดการข้อมูลให้ถูกต้องและคุ้มค่า

โอกาสสำคัญที่นักการตลาดเห็นจากการใช้ข้อมูลอย่างมีกลยุทธ์

Supermetrics ยังได้เปิดเผยว่าโอกาสสำคัญที่นักการตลาดเห็นจากการใช้ข้อมูลอย่างมีกลยุทธ์จาก 3 หัวเรื่องแรก คือ 

  • การเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายและ ROI (62%)
  • การตัดสินใจที่รวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น (48%)
  • การทำการตลาดที่แม่นยำและเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น (44%)
ผลสำรวจปัจจัยสำคัญในการทำงานทั้งในเรื่องจัดการและพัฒนาทักษะ

นอกจากนี้ นักการตลาดกว่า 55% เชื่อว่าการรวมข้อมูลจากทุกแหล่งเข้าด้วยกัน คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยจัดการและแก้ไขปัญหาในการใช้ข้อมูล ตามด้วยการ พัฒนาทักษะและความรู้ของทีม (49%) และการใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง (40%) เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานในอนาคต

ดังนั้น Super Metrics จึงแนะนำแนวทางสำหรับนักการตลาดในการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

1. จัดการข้อมูลให้อยู่ในที่เดียวกัน

รวมข้อมูลจากหลายช่องทางไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อง่ายต่อการวิเคราะห์และนำไปใช้งาน

2. คัดสรรเฉพาะข้อมูลสำคัญจริงๆ

ลดปริมาณข้อมูลที่ไม่จำเป็นลง เน้นเฉพาะข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจที่สำคัญ

3. คุณภาพข้อมูลสำคัญที่สุด (Data Quality)

ข้อมูลต้องแม่นยำ สดใหม่ ไม่มีข้อผิดพลาด เพราะหากข้อมูลไม่ดี การตัดสินใจก็จะผิดพลาดไปด้วย

4. ใช้ AI และ Automation ในการจัดการข้อมูล

ลดภาระงานซ้ำๆ เช่น การคัดลอกข้อมูล การสร้างรายงานแบบ manual ช่วยให้นักการตลาดได้เวลาไปทำสิ่งที่มีมูลค่าสูงกว่า

5. สร้างความเข้าใจและวัฒนธรรมในการใช้ข้อมูล

ให้ทั้งทีมเข้าใจในเป้าหมายและการใช้งานข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

บทสรุป: อนาคตการใช้ข้อมูลของนักการตลาดที่แท้จริงในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป

แม้ข้อมูลจะมีมากขึ้นและเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปเพียงใด หัวใจสำคัญของการตลาดยังคงเป็นเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และการใช้งานข้อมูลอย่างชาญฉลาด การบริหารจัดการข้อมูลที่ดีและการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือ จะทำให้นักการตลาดสามารถทำงานได้ดีขึ้น พร้อมกับสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม

โดยอนาคตของการตลาดในปี 2025 และต่อจากนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การมีข้อมูลที่เยอะขึ้น แต่คือการเรียนรู้ที่จะใช้ข้อมูลไปในทางที่ถูกต้อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า และสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มีความยั่งยืนในระยะยาว

นี่เป็นการสรุปหัวข้อหลักที่น่าสนใจต่อนักการตลาดเท่านั้น ในรายงาน รายงาน The 2025 Marketing Data Report ของทาง Supermetrics ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม สามารถอ่านกันได้จากลิงก์ด้านล่าง

ที่มา : The 2025 Marketing Data Report – Supermetrics , The 2025 Marketing Data Report: Trends, challenges, and opportunities

หากใครต้องการที่ปรึกษาด้านการตลาดจากทาง TWF Agency สามารถติดต่อเราได้ที่ https://bit.ly/4hSUg6k หรือ ดูบริการอื่นเพิ่มเติม https://bit.ly/4hJ1ERw

Data Analyst, Social Media