Startup: พร้อมจะทำงานหนักหรือยัง?

เห็นว่าปัจจุบันบ้านเราตื่นตัวกับวงการ startup มากขึ้นมากๆ เทียบกับเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วตอนผมตั้งบริษัทใหม่ๆ คนไทย 99% ไม่เคยได้ยินเรื่อง startup มาก่อน (รวมถึงผมด้วย) สำหรับท่านที่ยังคงไม่รู้จัก startup ก็คือบริษัทเกิดใหม่นั้นเอง ส่วนมากแล้วจะเป็นบริษัทที่ผู้ก่อตั้ง (founder) มี skill ด้าน technology หรือ design หรือ/และ connection ที่ดี และที่สำคัญ founder ต้องพร้อมทำงานหนัก

หลายๆคนอยากเป็น startup เพราะเห็นว่ามันเท่ห์ เป็นเจ้านายตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่ต้องทำงาน office เข้า 9 เลิก 6 เหมือนคนส่วนใหญ่ แต่บางคนยังไม่รู้ว่า การแค่มี skill หรือ connection อย่างเดียวนั้นไม่พอ คุณต้องพร้อมจะทำงานหนักมากๆด้วย (ยกเว้นว่าคุณมีทุนของตัวเองที่หนาจริงๆ) เอาเป็นว่าขอเล่าประสบการณ์จริงให้อ่านละกันครับ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 ผมและหุ้นส่วนอีกคนชื่อคุณแหม่มซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องผม อยากจะทำอะไรของตัวเองขึ้นมา อยากตั้งบริษัทเล็กๆใช้ skill และ connection ที่เราทั้งสองคนมี (ขอข้ามเรื่องเงินทุนและรายละเอียดการตั้งบริษัทไปก่อนนะครับ ขอเก็บไปเล่าในโพสหน้า) สุดท้ายแล้วเรามาตกลงจะทำบริษัทออกแบบเว็บไซด์รุ่นที่ Flash ยังเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นในบ้านเราอยู่ ช่วงปีแรกนั้น บอกได้เลยว่าพวกเราทำงานหนักมาก แหม่มดูแลด้าน marketing และเรื่องเกี่ยวกับการรันบริษัททั้งหมด ส่วนผมดูแลงาน production พร้อมกับเพื่อนสนิทผมอีกคนเป็น programmer ชื่อคุณเล้ง เมื่อได้งานมา เราสามคนต้องทำงานกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้งานออกมาดีและเสร็จตามเวลา เชื่อว่าบริษัทออกแบบหลายๆที่ก็มีจุดเริ่มต้นแบบนี้ เราทำงานกันจันทร์ถึงศุกร์วันละไม่ต่ำกว่า 12-14 ชั่วโมง ทุกวัน (บางครั้งงาน production ก็ติดพันช่วงวันหยุดด้วย) เริ่มงานประมาณ 10 โมง กว่าจะกลับบ้านก็เที่ยงคืน ตี 1-2 เป็นประจำ มีนับครั้งไม่ถ้วนที่เราทำงานกันจนลืมกินข้าวเย็น จะว่าลืมก็ไม่ใช่ แต่เราติดพันกับงานจนคิดว่าจะทำให้เสร็จก่อนแล้วออกไปกินทีเดียวกลับบ้านเลย สุดท้ายก็นั่งทำกันถึงเที่ยงคืนทุกที จำได้ว่าเราทำงานกันแบบนี้เกือบปีกว่าๆจนเรามีเงินมากพอที่จะจ้างพนักงานคนแรก แต่ถึงตอนนั้นเราก็ยังนั่งทำงานกันเป็น 10 ชั่วโมงอยู่ดี คร่าวๆเราทำแบบนี้อยู่เกือบ 3 ปี จนเราเริ่มมีเงินหมุนมาจ้างคนเพิ่มและเริ่มเป็นที่รู้จักกับลูกค้า และปัจจุบันเราจะเข้าปีที่ 7 แล้ว มีพนักงาน 14 คนและทำเงินต่อเดือนมากกว่าเราทำทั้งปีในปีแรกที่ตั้งบริษัท

ถามว่า 3 ปีแรกคุ้มไหม? ถ้าพูดถึงตัวเงินนั้น บอกเลยว่าไม่คุ้ม แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่เราต้องแลกหากเราอยากเป็น startup ถ้าไม่อย่างนั้นสู้ทำงานกินเงินเดือนสบายๆไปเรื่อยๆดีกว่า ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เก็บเงินไปเที่ยว ไม่ต้องนั่งทำงานเป็นบ้าแบบนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่เราเลือก เราอยากมีบริษัทของตัวเอง เราก็ต้องแลกด้วยการทำงานหนัก ไม่ใช่ว่าทำงานกินเงินเดือนเก็บเงินเที่ยวมันไม่ดีนะครับ มันดี ผมยังอิจฉาเลยบางครั้งเห็นน้องๆหลายๆคนใช้ชีวิตแบบนี้ ผมเองก็ว่ามันมีความสุขไปอีกแบบ แต่ความสุขของผมคือทำงาน เป็น startup ได้เห็นบริษัทตัวเองเติบโต ผมยอมแลกด้วยการทำงานหนักและไม่ต้องการพักร้อน เท่าที่จำได้ ตั้งแต่ตั้งบริษัทมา ผมลาพักร้อนนานที่สุดคือ 5 วันติดต่อกันครั้งเดียว ครั้งเดียวจริงๆตลอด 6 ปี ยกเว้นตอนผมเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลและตอนบวช นอกนั้นผมไม่เคยโหยหาการพักร้อนเลย เคยได้ยินมาว่า Mark Cuban (ไป search google กันเองนะ) ทำงาน 7 ปีติดต่อกัน 7 วันต่อสัปดาห์ไม่มีพักร้อน จนทำให้ startup ของเค้าขายได้เป็นจำนวนหลายพันล้านเหรียญ ถึงผมจะทำไม่ได้ขนาดเค้าแต่ผมก็มีความสุขดี ณ ปัจจุบันนี้

แหม่มเองหลังจาก TWF เข้าปีที่ 4 ก็ไปตั้ง startup ใหม่กับแฟนชื่อ a little something ซึ่งเค้าทั้งสองคนก็ทำงานหนักมาตลอดเช่นกัน ช่วง 2 ปีแรกก็ทำงานไม่มีวันหยุดเลย นั้นทำให้ปัจจุบัน als เองก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอตัว ได้ลง CNNgo และอีกหลายสื่อนับไม่ถ้วน ขยายเป็นสาขาที่ 2 และกำลังขยาย franchise ในเร็วๆนี้ ในขณะที่ธุรกิจคล้ายๆกันก็ปิดตัวลงไปหลายที่แล้ว เพราะบางคนแค่อยากมี startup ของตัวเองแต่ไม่ยอมทำงานหนัก เล้งเองก็ตั้งบริษัท TC มาได้ 3 ปีแล้ว ปัจจุบันเปิดอีก 2 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนๆ เล้งก็ยังคนทำงานหนักอยู่ตลอดเพื่อปั้น startup เค้าให้เป็นไปตามความฝัน

นี่ก็เป็นตัวอย่างประสบการณ์ของการพร้อมที่จะทำงานหนักของ startup ครับ เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของผมและคนใกล้ตัว ผมเชื่อว่า startup ที่ประสบความสำเร็จหลายๆที่ก็ทำงานหนักไม่น้อยกว่านี้ ยิ่งที่ไหนประสบความสำเร็จมากก็แสดงว่าพวกเค้าเหล่านั้นทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น

คุณล่ะ? พร้อมหรือยัง?